ในยุคที่ “ความมั่นใจ” มักมาพร้อมกับ “ความสมดุลของใบหน้า” หลายคนอาจสังเกตว่าโครงหน้าของตนเองไม่เท่ากัน บ้างคางเบี้ยว โหนกแก้มสูงไม่เท่ากัน หรือกรามใหญ่จนทำให้หน้าดูแข็งเกินไป ปัญหาเหล่านี้สามารถแก้ไขได้ด้วย ศัลยกรรมปรับโครงหน้า ซึ่งเป็นหนึ่งในเทคนิคที่ได้รับความนิยมอย่างมากในกลุ่มคนที่ต้องการเปลี่ยนแปลงใบหน้าอย่างถาวรและมีความปลอดภัยสูง
ปัญหา “โครงหน้าไม่สมดุล” คืออะไร
โครงหน้าไม่สมดุล หมายถึง สัดส่วนของใบหน้าที่ไม่เท่ากันหรือไม่อยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสม เช่น
- คางเบี้ยวหรือสั้นเกินไป
- โหนกแก้มสูงหรือกว้างเกิน
- กรามสองข้างไม่เท่ากัน
- หน้าดูแบน ไม่มีมิติ
ซึ่งอาจเกิดได้จากพันธุกรรม การเจริญเติบโตที่ผิดปกติ หรือพฤติกรรมบางอย่าง เช่น การนอนตะแคงข้างเดียว การบดฟัน ฯลฯ
ศัลยกรรมปรับโครงหน้าคืออะไร
ศัลยกรรมปรับโครงหน้า (Facial Bone Contouring Surgery) คือการผ่าตัดกระดูกใบหน้าเพื่อปรับให้ได้สัดส่วนที่สมดุล โดยสามารถทำได้หลายตำแหน่ง เช่น
- ยุบโหนกแก้ม (Zygoma Reduction)
- ตัดกราม (Mandible Angle Reduction)
- เลื่อนคาง (Genioplasty หรือ Chin Advancement)
โดยคุณหมอจะวิเคราะห์ปัญหาโครงหน้าของแต่ละคน แล้วเลือกวิธีผ่าตัดหรือปรับแต่งตามความเหมาะสม เพื่อให้ผลลัพธ์ออกมาเป็นธรรมชาติและปลอดภัยที่สุด
ศัลยกรรมปรับโครงหน้าแก้ไขอะไรได้บ้าง
- โหนกแก้มกว้างเกินไป ทำให้ใบหน้าดูแข็งหรือดุ
- กรามเหลี่ยม กรามใหญ่ ส่งผลให้รูปหน้าดูบึก ไม่ละมุน
- หน้าไม่เท่ากัน หรือไม่สมดุล เช่น ด้านซ้ายยุบ ด้านขวานูน
- คางถอย คางเบี้ยว หรือคางสั้น ทำให้หน้าดูไม่มีมิติ ดูไม่เรียว
- ต้องการเปลี่ยนรูปหน้าโดยรวม เช่น เปลี่ยนจากหน้าสี่เหลี่ยมเป็นหน้าไข่ หรือหน้า V-shape
เทคนิคศัลยกรรมปรับโครงหน้าหลักๆ มีอะไรบ้าง
1. ยุบโหนกแก้ม (Zygoma Reduction)
เป็นการผ่าตัดเพื่อลดความกว้างของกระดูกโหนกแก้ม เหมาะสำหรับผู้ที่มีโหนกสูงหรือหน้าแบน ต้องการปรับให้ใบหน้าดูมีมิติมากขึ้น
2. ตัดกราม (Mandible Reduction)
ช่วยลดความกว้างของใบหน้าส่วนล่าง เหมาะกับคนที่มีกรามใหญ่ หน้าดูแข็ง ทำให้รูปหน้าดูเรียวและหวานขึ้น
3. เลื่อนคาง (Genioplasty)
เป็นการปรับโครงกระดูกคางโดยไม่ต้องใช้ซิลิโคน ช่วยให้คางยาวขึ้น สมดุลกับสัดส่วนของใบหน้า เหมาะกับคนที่คางถอยหรือเบี้ยว
ข้อดีของการศัลยกรรมปรับโครงหน้า
- เพิ่มความมั่นใจในการใช้ชีวิต
- ช่วยปรับสมดุลของใบหน้าโดยรวม
- เปลี่ยนรูปหน้าอย่างถาวรและปลอดภัย
- ไม่ต้องพึ่งฟิลเลอร์หรือโบท็อกซ์ตลอดไป
- เห็นผลลัพธ์ชัดเจนภายใน 3-6 เดือนหลังผ่าตัด
ก่อนตัดสินใจปรับโครงหน้า ควรรู้อะไรบ้าง
ควรปรึกษาศัลยแพทย์เฉพาะทางด้านกระดูกใบหน้า
เพื่อให้ได้แนวทางที่ปลอดภัยและเหมาะกับโครงหน้าจริง
ตรวจร่างกายก่อนผ่าตัด
ต้องแน่ใจว่าไม่มีโรคที่เป็นข้อห้าม เช่น โรคเลือด, หัวใจ
ศึกษาข้อมูลให้ครบถ้วน
โดยเฉพาะเกี่ยวกับเทคนิคการผ่าตัด และผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้น
เตรียมตัวก่อนการผ่าตัด
เช่น งดอาหารเสริม วิตามิน หรือพฤติกรรมเสี่ยงก่อนผ่าตัด
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการปรับโครงหน้า
ขณะผ่าตัดจะไม่รู้สึกเจ็บเพราะใช้วิธีดมยาสลบ หลังผ่าตัดอาจมีอาการบวมและตึงได้ 1-2 สัปดาห์ แต่สามารถบรรเทาได้ด้วยยาและการดูแลที่เหมาะสม
แนะนำพักฟื้นอย่างน้อย 1-2 สัปดาห์ และสามารถกลับไปทำงานเบาๆ ได้ในช่วง 7-10 วัน
เทคนิคปัจจุบันส่วนใหญ่ซ่อนแผลในช่องปากหรือใต้ไรผม จึงแทบไม่เห็นรอยแผลจากภายนอก
สรุปศัลยกรรมปรับโครงหน้าคุ้มค่าหรือไม่
หากคุณเป็นคนหนึ่งที่รู้สึกว่า “โครงหน้าไม่สมดุล” หรือ “หน้าดูแข็ง ไม่นุ่มนวล” การ ศัลยกรรมปรับโครงหน้า อาจเป็นคำตอบที่ช่วยเสริมความมั่นใจได้อย่างยั่งยืน โดยเทคนิคที่นิยมที่สุดได้แก่ ยุบโหนก, ตัดกราม, และ เลื่อนคาง ซึ่งทั้งหมดควรได้รับการวางแผนและผ่าตัดโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น การมีใบหน้าสมส่วน ไม่ได้เป็นเรื่องของความสวยเพียงอย่างเดียว แต่ยังเป็นจุดเริ่มต้นของความมั่นใจในชีวิตประจำวันอีกด้วย






Author: DCH Hospital
Dr.Chen Writer
