ศัลยกรรม ปลูกผม

ศัลยกรรมปลูกผม คืออะไร? ควรรู้ก่อนตัดสินใจปลูกผม
ศัลยกรรมปลูกผม (Hair Transplant Surgery) คือ หัตถการที่ช่วยแก้ปัญหาผมบาง ศีรษะล้าน เป็นเทคนิคการฟื้นฟูเส้นผม หลายคนที่มีปัญหาผมบางหรือผมร่วงได้หันมาใช้วิธีนี้เพราะเป็นการแก้ปัญหาอย่างถาวร โดยแพทย์ผู้ชำนาญการะย้ายกราฟต์เส้นผมจากบริเวณที่ยังมีผมอยู่ เช่น หลังศีรษะ มาปลูกในบริเวณที่ผมบางหรือศีรษะล้าน ทำให้เกิดการเจริญเติบโตของผมใหม่อย่างเป็นธรรมชาติ
โดยการศัลยกรรมปลูกผมสามารถช่วยแก้ไขปัญหาผมบาง ศีรษะเถิก ศีรษะล้านได้ โดยผมที่เกิดขึ้นมาใหม่จากการปลูกผมจะมีวงจรชีวิตเหมือนกับผมจริง ๆ สามารถร่วงและขึ้นได้ใหม่ บางคนจึงอาจเรียกการศัลยกรรมปลูกผมว่า “การปลูกผมถาวร”

ปรึกษาคุณหมอ DCH

ปัญหาผมร่วงเป็นสิ่งที่หลายคนเผชิญ ซึ่งอาจนำไปสู่ภาวะผมบางหรือหัวล้านได้ โดยสาเหตุหลักที่ทำให้ผมร่วงมาจากหลายปัจจัยมากๆ ดังนี้
- พันธุกรรม ซึ่งเป็นสาเหตุที่พบได้บ่อยในผู้ชายและผู้หญิง
- ฮอร์โมน DHT (Dihydrotestosterone) ทำให้เส้นผมค่อยเล็กลงเรื่อยๆ และผมที่งอกออกมาใหม่ก็จะมีเส้นเล็กลงและบางลง
- ความเครียด ที่มีส่วนทำให้ผมร่วงมากกว่าปกติ รวมถึง การขาดสารอาหาร เช่น วิตามินบี วิตามินดี และธาตุเหล็ก
- โรคที่ทำให้เกิดการอักเสบ หรือการติดเชื้อที่บริเวณศีรษะ ทำให้เกิดผมร่วงได้ เช่น โรคเชื้อราที่หนังศีรษะ โรคไทรอยด์ โรคแพ้ภูมิตัวเอง เป็นต้น
- อุบัติเหตุที่ทำให้เกิดแผลบริเวณหนังศีรษะ เช่น แผลไฟไหม้ น้ำร้อนลวกส่งผลให้รากผมถูกทำลาย และไม่สามารถสร้างเส้นผมใหม่ขึ้นมาทดแทนได้
วิธีแก้ผมร่วง ผมบาง และศีรษะล้านในปัจจุบัน มีหลากหลายการใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผม การทานการกินยาลดฮอร์โมนเพศ การยิงเลเซอร์เพื่อกระตุ้นรากผม การปลูกผมถาวร โดยที่ปัญหาผมร่วง ผมบางของแต่ละคนอาจจะใช้วิธีรักษาไม่เหมือนกัน ขึ้นอยู่กับความรุนแรง สภาพหนังศีรษะ ความแข็งแรงของรากเส้นผม ควรต้องปรึกษาแพทย์ผู้ชำนาญการเฉพาะทางดีที่สุด

ทำไมต้องเลือกปลูกผม
ที่ DCH Hospital
ที่ DCH Hospital เรามี DCH Hair Center ปลูกผมถาวร ซึ่งเป็นศูนย์เฉพาะทางในการปลูกผมด้วยเทคโนโลยีและเทคนิคที่ล้ำสมัย ทีมแพทย์ผู้ชำนาญการเฉพาะทางของเรามีประสบการณ์ในการทำศัลยกรรมปลูกผม เราให้ความสำคัญกับผลลัพธ์ที่ดูเป็นธรรมชาติ พร้อมการดูแลหนังศีรษะและเส้นผมหลังการรักษาอย่างครบวงจร
Dr.CHEN ร่วมมือกับ พาวีคอน เมดิเนส อะคาเดมี เสริมสร้างความเชี่ยวชาญในธุรกิจเส้นผมและหนังศีรษะ ซึ่งเป็นสถาบันการเรียนการสอนที่แรกและที่เดียวในประเทศไทย ที่มุ่งเน้นการสอนธุรกิจด้านเส้นผมและหนังศีรษะอย่างมืออาชีพ ทักษะด้านการปลูกผมชั้นสูงจากทีมแพทย์ และผู้ชำนาญการด้านการปลูกผม
DCH Hair Center
ได้รับการยอมรับว่าเป็นที่ปรึกษาที่คุณไว้ใจได้ในด้านการปลูกผม
หลักสูตรการทำธุรกิจด้านเส้นผมและหนังศีรษะที่เข้มข้นและทันสมัย โดยในปัจจุบันมีทั้งหมด 10 หลักสูตรที่ได้รับความนิยมมากที่สุด ซึ่งช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการแพทย์ด้านปลูกผมถาวรและเสริมสร้างความรู้ด้านการดูแลเส้นผมและหนังศีรษะอย่างครบวงจร
สิ่งที่ทำให้ DCH Hair Center แตกต่างคือความสำคัญที่เรามอบให้กับผลลัพธ์ที่ดูเป็นธรรมชาติ ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญในการสร้างความพึงพอใจให้กับผู้รับบริการ หลังจากการรักษา เรายังให้ความสำคัญกับการดูแลหนังศีรษะและเส้นผมอย่างครบวงจร เพื่อให้ลูกค้าของเราได้รับประสบการณ์ที่ดีที่สุด
ศัลยกรรมปลูกผมมีเทคนิคอะไรบ้าง?
ปลูกผมเทคนิค FUT
(Follicular Unit Transplantation)
เป็นวิธีการปลูกผมแบบคลาสสิก โดยการย้ายแถบหนังศีรษะที่มีเส้นผมจากด้านหลังหรือด้านข้างมาปลูกในบริเวณที่ต้องการ ข้อดีของวิธีนี้คือสามารถปลูกผมได้จำนวนมากในครั้งเดียว แต่มีข้อเสียคืออาจทิ้งรอยแผลเป็นขนาดใหญ่ในบริเวณที่ผมถูกย้ายออกไป
ขั้นตอนการปลูกผมด้วยเทคนิค FUT
1. การประเมินและวางแผน
แพทย์จะประเมินปัญหาผมบางและกำหนดจำนวนกราฟต์ที่ต้องการปลูก รวมถึงวางแผนการผ่าตัดเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่เป็นธรรมชาติ
2. การตัดแถบผิวหนัง
แพทย์จะทำการตัดแถบผิวหนังบริเวณที่ผมหนาออกมา แล้วเย็บปิดแผล
3. การแยกกราฟต์
แถบผิวหนังจะถูกนำไปแยกเป็นกราฟต์ขนาดเล็ก โดยแต่ละกราฟต์จะประกอบด้วยเส้นผม 1-4 เส้น
4. การปลูกกราฟต์
แพทย์จะทำการปลูกกราฟต์ลงในบริเวณที่ต้องการ โดยจัดวางกราฟต์อย่างละเอียดเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดูเป็นธรรมชาติ
ข้อดีของเทคนิค FUT
- ปริมาณกราฟต์มาก FUT สามารถย้ายเซลล์รากผมได้มากในครั้งเดียว ทำให้เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการปลูกผมในพื้นที่กว้าง
- ผลลัพธ์ที่ยั่งยืน เส้นผมที่ถูกปลูกด้วยวิธี FUT จะเจริญเติบโตตามปกติและมีลักษณะถาวร สามารถสระผม ตัด หรือจัดทรงได้เหมือนผมธรรมชาติ
- ประสิทธิภาพสูง เนื่องจากเป็นการย้ายเซลล์รากผมที่แข็งแรงจากบริเวณด้านหลังหรือข้างศีรษะ ซึ่งมักไม่หลุดร่วงง่าย ทำให้ผลลัพธ์ของการปลูกผมมีประสิทธิภาพสูง
ข้อควรพิจารณาของการปลูกผม FUT
แม้ว่า FUT จะเป็นเทคนิคที่มีประสิทธิภาพ แต่ก็มีข้อเสียบางอย่างที่ควรคำนึง เช่น การตัดชิ้นส่วนหนังศีรษะออกมาทำให้เกิดแผลเป็นแนวยาวบริเวณผู้บริจาค และการพักฟื้นหลังการผ่าตัดอาจนานกว่าเทคนิคอื่นๆ เช่น FUE (Follicular Unit Extraction)
ปลูกผมเทคนิค FUE
(Follicular Unit Extraction)
เป็นวิธีการปลูกผมแบบคลาสสิก โดยการย้ายแถบหนังศีรษะที่มีเส้นผมจากด้านหลังหรือด้านข้างมาปลูกในบริเวณที่ต้องการ ข้อดีของวิธีนี้คือสามารถปลูกผมได้จำนวนมากในครั้งเดียว แต่มีข้อเสียคืออาจทิ้งรอยแผลเป็นขนาดใหญ่ในบริเวณที่ผมถูกย้ายออกไป
ขั้นตอนการปลูกผมด้วยเทคนิค FUE
1. การเก็บเซลล์รากผม
แพทย์จะใช้เครื่องมือพิเศษเจาะหนังศีรษะขนาดเล็กเพื่อเก็บรากผมออกมาทีละเซลล์ การทำเช่นนี้ช่วยลดโอกาสเกิดแผลเป็นใหญ่ ทำให้การพักฟื้นรวดเร็วขึ้น
2. การเตรียมกราฟต์ผม
รากผมที่ถูกเก็บออกมาจะถูกคัดแยกและเตรียมพร้อมสำหรับการปลูกใหม่ในบริเวณที่ต้องการ
3. การปลูกผม
ศัลยแพทย์จะทำการปลูกกราฟต์ผมในบริเวณที่ผมบางหรือศีรษะล้าน โดยจัดเรียงรากผมอย่างละเอียด เพื่อให้ทิศทางและความหนาของเส้นผมที่ปลูกใหม่ดูเป็นธรรมชาติ
ข้อดีของเทคนิค FUE
- ไม่มีแผลเป็นใหญ่ หนึ่งในจุดเด่นสำคัญของ FUE คือการไม่ทิ้งรอยแผลเป็นยาวเหมือนในเทคนิค FUT เพราะการเก็บรากผมเป็นการเจาะรูเล็กๆ ในบริเวณที่ผมหนา
- การพักฟื้นรวดเร็ว ด้วยการผ่าตัดที่ไม่รุกรานมาก ผู้ป่วยสามารถกลับไปทำกิจกรรมประจำวันได้เร็วกว่า และแผลหายเร็วกว่าเมื่อเทียบกับเทคนิคที่ใช้การตัดหนังศีรษะ
- ความเป็นธรรมชาติ เนื่องจากเซลล์รากผมที่ถูกปลูกใหม่จะเจริญเติบโตตามปกติ เส้นผมที่ได้จากการปลูกผมด้วยวิธี FUE จะดูเป็นธรรมชาติ สามารถสระ จัดทรง และดูแลได้เหมือนผมธรรมชาติ
- เหมาะสำหรับพื้นที่ขนาดเล็ก FUE เป็นเทคนิคที่เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการปลูกผมในบริเวณที่ไม่ใหญ่มาก เช่น บริเวณขมับหรือหน้าผาก รวมถึงผู้ที่ต้องการเติมผมบางเฉพาะจุด
ข้อควรพิจารณาของการปลูกผม FUE
หลังการปลูกผม ผู้ป่วยควรดูแลแผลเล็กๆ ที่เกิดจากการเจาะรากผมให้สะอาด ป้องกันการติดเชื้อ และปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด นอกจากนี้ ควรหลีกเลี่ยงการสัมผัสบริเวณที่ปลูกผมใหม่อย่างรุนแรงในช่วงแรก เพื่อป้องกันไม่ให้กราฟต์ผมเคลื่อนตัว
ปลูกผมเทคนิค AMF
(Advanced Micro-FUE)
เทคนิค AMF เป็นการพัฒนาเพิ่มเติมจากการปลูกผมแบบ FUE โดยใช้เทคโนโลยีไมโครเพื่อเพิ่มความละเอียดและความแม่นยำในการย้ายกราฟต์ผมจากบริเวณผู้ให้ (ส่วนท้ายทอยหรือด้านข้างศีรษะ) ไปปลูกยังบริเวณที่ผมบางหรือล้าน โดยการเจาะกราฟต์ด้วยเครื่องมือขนาดเล็ก ช่วยลดการบาดเจ็บของผิวหนัง ทำให้แผลหายเร็ว และมีโอกาสเกิดแผลเป็นน้อยมาก
ขั้นตอนการปลูกผมถาวรด้วยเทคนิค AMF
1. การประเมินและวางแผน
แพทย์จะทำการประเมินปัญหาผมบางหรือหัวล้าน และกำหนดจำนวนกราฟต์ที่ต้องการปลูก เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่เหมาะสม
2. การเก็บกราฟต์ผม
ใช้เครื่องมือขนาดเล็กทำการเจาะกราฟต์ผมจากบริเวณที่มีผมหนา
3. การปลูกกราฟต์
หลังจากเก็บกราฟต์เสร็จแล้ว แพทย์จะนำกราฟต์ไปปลูกลงในบริเวณที่ต้องการปรับปรุง โดยจัดวางทิศทางและมุมของผมอย่างละเอียด เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดูเป็นธรรมชาติที่สุด
ข้อดีของการปลูกผมเทคนิค AMF
- แผลเล็ก ฟื้นตัวเร็ว ด้วยการใช้เข็มขนาดเล็กมาก การปลูกผมแบบ AMF ทำให้แผลเล็กลงและฟื้นตัวได้เร็วขึ้น เมื่อเทียบกับการปลูกผมแบบ FUT ที่ต้องตัดผิวหนังออก
- ผลลัพธ์ที่ดูเป็นธรรมชาติ การจัดเรียงกราฟต์ผมอย่างละเอียดและเป็นระเบียบ ทำให้ผมที่ปลูกขึ้นมาใหม่ดูเป็นธรรมชาติ และกลมกลืนกับเส้นผมเดิม
- ความเจ็บปวดน้อย เนื่องจากการเจาะกราฟต์ผมเป็นเพียงการเจาะเล็ก ๆ โดยไม่ทำให้เนื้อเยื่อเสียหายมาก ผู้ป่วยจะรู้สึกเจ็บน้อยมาก
- เหมาะกับผู้ที่มีกราฟต์จำกัด เทคนิค AMF สามารถใช้ได้กับผู้ที่มีจำนวนกราฟต์ไม่มาก โดยยังคงให้ผลลัพธ์ที่น่าพึงพอใจ
ข้อควรพิจารณาของการปลูกผม AMF
แม้ว่า AMF จะเป็นเทคนิคที่ทันสมัยและมีประสิทธิภาพสูง แต่ก็มีข้อจำกัดบางประการ เช่น การใช้เครื่องมืออัตโนมัติจำเป็นต้องพึ่งพาทักษะและประสบการณ์ของแพทย์ในการควบคุมเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด นอกจากนี้ อาจมีค่าใช้จ่ายที่สูงกว่าเทคนิคแบบดั้งเดิม
ปลูกผมเทคนิค DHI
(Direct Hair Implantation)
เทคนิค DHI เป็นเทคโนโลยีที่ล้ำสมัยที่สุดในปัจจุบัน โดยเป็นการปลูกผมโดยตรงโดยไม่ต้องเจาะรูที่หนังศีรษะก่อน ข้อดีของ DHI คือผลลัพธ์ที่ดูเป็นธรรมชาติ ฟื้นตัวได้เร็วกว่าเทคนิคอื่นๆ และช่วยลดความเสี่ยงต่อการอักเสบ แต่มีค่าใช้จ่ายสูงกว่า
ขั้นตอนการปลูกผมถาวรด้วยเทคนิค DHI
1. การปรึกษาและวางแผนการรักษา
เริ่มจากการปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านเส้นผมและหนังศีรษะ เพื่อตรวจสอบสภาพเส้นผมและหนังศีรษะของผู้เข้ารับบริการ ผู้เชี่ยวชาญจะทำการประเมินพื้นที่ที่ต้องการปลูกผม และออกแบบแนวผมใหม่ให้ดูเป็นธรรมชาติที่สุด โดยเน้นให้เข้ากับรูปหน้าและความต้องการของผู้เข้ารับการรักษา
2. การเตรียมบริเวณที่มีเส้นผมถาวร
บริเวณที่นำเส้นผมมาใช้ปลูกมักจะเป็นด้านหลังศีรษะหรือบริเวณท้ายทอย เพราะเส้นผมในจุดนี้มีความแข็งแรงและทนทานต่อการหลุดร่วง โดยแพทย์จะทำการยาชาเฉพาะจุดในบริเวณดังกล่าว เพื่อไม่ให้ผู้เข้ารับการรักษารู้สึกเจ็บ
3. การเก็บกราฟต์เส้นผม
เทคนิค DHI จะใช้เครื่องมือพิเศษที่เรียกว่า Choi Implanter Pen ในการเก็บเส้นผม โดยเครื่องมือนี้จะช่วยเก็บกราฟต์เส้นผมอย่างละเอียดและแม่นยำ การเก็บกราฟต์เส้นผมนี้จะไม่ต้องทำการผ่าตัดใหญ่หรือเปิดหนังศีรษะ ทำให้ลดความเจ็บปวดและการฟื้นตัวที่รวดเร็วกว่า
4. การปลูกกราฟต์เส้นผม
หลังจากเก็บกราฟต์เส้นผมแล้ว แพทย์จะใช้เครื่องมือ Choi Implanter Pen เดิมในการปลูกกราฟต์เส้นผมโดยตรงในบริเวณที่ต้องการ โดยไม่ต้องเจาะรูหรือเปิดช่องก่อนปลูกเหมือนกับเทคนิคอื่นๆ ทำให้เส้นผมที่ปลูกใหม่มีความเป็นธรรมชาติ สามารถปลูกในมุมที่เหมาะสมได้ตามแนวผม
ข้อดีของการปลูกผมเทคนิค DHI
- ผลลัพธ์ที่ดูเป็นธรรมชาติ
- ลดความเสี่ยงในการเกิดรอยแผลเป็น
- ฟื้นตัวเร็ว ลดการหยุดงานหรือกิจกรรมในชีวิตประจำวัน
- ความแม่นยำสูงในการปลูกผมแต่ละเส้น
ข้อควรพิจารณาของการปลูกผม DHI
- จำนวนกราฟต์เส้นผมที่จำกัด
- ต้องใช้เวลาหลายเดือนกว่าผมจะงอกเต็มที่
- ไม่สามารถหยุดการหลุดร่วงของเส้นผมเดิมได้
- การปลูกผมมีค่าใช้จ่ายที่ค่อนข้างสูง
การดูแลตัวเองหลังปลูกผม
การดูแลตัวเองหลังการปลูกผมเป็นเรื่องที่สำคัญมาก เนื่องจากหากไม่ทำตามคำแนะนำของแพทย์ กอรากผมที่ปลูกไปอาจจะหลุดออก เป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้ปลูกผมแล้วไม่ขึ้น การศัลยกรรมปลูกผมได้ผลไม่่ดีเท่าที่ควร ซึ่งการดูแลตนเอง ควรทำตามข้อปฏิบัติตามภาพดังนี้


ปรึกษาคุณหมอ DCH

ปลูกผมถาวร ที่ DCH Hospital
เทคนิคที่ดีและมีเทคโนโลยีล้ำสมัยที่ให้ผลลัพธ์อย่างมั่นใจ
ปัญหาผมร่วงและผมบางเป็นปัญหาที่หลายคนพบเจอ โดยเฉพาะผู้ที่มีกรรมพันธุ์หรือสภาพร่างกายที่ทำให้ผมหลุดร่วงมากกว่าปกติ ศัลยกรรมปลูกผมเป็นวิธีแก้ปัญหาถาวรที่ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในประเทศไทย และที่ DCH Hair Center เราใช้เทคโนโลยีการปลูกผมที่ล้ำสมัยเพื่อช่วยให้คุณกลับมามั่นใจอีกครั้ง
DCH Hair Center เราใช้การปลูกผมทั้งหมด 3 เทคนิค FUE , AMF และเทคนิค DHI ได้รับความนิยมที่สุด เป็นทางเลือกที่เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการฟื้นคืนเส้นผมที่ถาวรและดูเป็นธรรมชาติ โดยมีขั้นตอนที่เน้นความปลอดภัยและประสิทธิภาพ ผมหนา กราฟต์แน่น ถี่ละเอียด เป็นธรรมชาติ เพิ่มความมั่นใจให้กลับคืนมาแบบ 99.99% เป็นทางเลือกที่เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการฟื้นคืนเส้นผมที่ถาวรและดูเป็นธรรมชาติ โดยมีขั้นตอนที่เน้นความปลอดภัยและประสิทธิภาพ