Filler

Table of Contents
ฉีดฟิลเลอร์
การฉีดฟิลเลอร์ คือ ทางลัดสำหรับคนที่ไม่อยากทำศัลยกรรม ต้องการแก้ปัญหาใบหน้าโดยไม่ต้องผ่าตัด ไม่ต้องพักฟื้นนาน โดยเฉพาะคนที่กลัวการผ่าตัด การฉีดฟิลเลอร์เป็นอีกวิธีรักษาริ้วรอย ร่องลึกต่างๆ บนใบหน้า นอกจากฟิลเลอร์จะช่วยเรื่องริ้วรอย รวมถึงคนที่มีปัญหาปากไม่เป็นทรง ใต้ตาลึก ขมับตอบ แก้มตอบ โหนกแก้มสูง หน้าซูบ หน้าผาก หลังฉีดจะช่วยแก้ปัญหาริ้วรอย และเพิ่มความอิ่มฟูให้ผิวได้ทันที
ฟิลเลอร์เป็นการเติมเต็มประเภท Hyaluronic Acid (HA) เมื่อฉีดเข้าไปเติมเต็ม กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในชั้นผิวที่เริ่มเสื่อมสภาพ และมีการยุบตัวลงเมื่ออายุมากขึ้น หลังฉีดฟิลเลอร์จะทำให้ผิวหน้ากลับมาเรียบเนียน เต่งตึง ใบหน้าอ่อนเยาว์ลง ทำให้ผลลัพธ์ดูเป็นธรรมชาติ และยาวนาน โปรแกรมที่ได้รับความนิยมสามารถปรับสัดส่วนให้สวยงามขึ้นได้
ฟิลเลอร์ คืออะไร
ฟิลเลอร์ (Filler) คือ สารเติมเต็มประเภทไฮยาลูโรนิคแอซิด Hyaluronic Acid (HA) ซึ่งผลิตขึ้นเพื่อเลียนแบบเป็นสารธรรมชาติที่มีอยู่ในร่างกาย สารนี้ช่วยกักเก็บน้ำในผิว เติมเต็มริ้วรอย และเพิ่มวอลุ่มในบริเวณที่ต้องการ ฟิลเลอร์สามารถทดแทนคอลลาเจน และไฮยาลูรอน ซึ่งเป็นส่วนประกอบสำคัญของโครงสร้างผิวที่ลดลงตามอายุ

ผิวหนังของคนเรามีใยคอลลาเจนเป็นส่วนประกอบสำคัญ ช่วยให้ผิวมีความแข็งแรง ยืดหยุ่น และเต่งตึง แต่เมื่ออายุมากขึ้นการผลิตคอลลาเจน และไฮยาลูรอนในร่างกายจะลดลง ส่งผลให้ผิวบางลง เกิดริ้วรอยเหี่ยวย่น และขาดความชุ่มชื้น
การฉีด Hyaluronic Acid ในบริเวณที่มีปัญหาร่องริ้วรอย ใต้ตาลึก ร่องแก้ม หรือขมับตอบ เมื่อฉีดเข้าไป ฟิลเลอร์จะช่วยกักเก็บน้ำในชั้นผิว ทำให้ผิวกลับมาเรียบเนียน เต่งตึง และดูอ่อนเยาว์ ฟิลเลอร์เป็นวิธีที่ปลอดภัยในการแก้ปัญหาผิวใบหน้าอย่างเป็นธรรมชาติ

ฟิลเลอร์ ฉีดจุดไหนได้บ้าง
บริเวณ 7 จุด ที่สามารถฉีดฟิลเลอร์ (filler)
การฉีดฟิลเลอร์สามารถฉีดได้หลายตำแหน่ง ขึ้นอยู่กับปัญหาริ้วรอย ร่องลึก หรือต้องการฉีดเสริมบริเวณไหน โดยตำแหน่งบนใบหน้า สามารถฉีดในจุดต่างๆ 7 จุดทำให้เห็นผลลัพธ์ชัดเจน
ฟิลเลอร์ใต้ตา
ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา คือ การฉีดฟิลเลอร์เพื่อเติมเติมร่องใต้ตาที่ยุบลงจากการทรุดตัวของผิว แก้ปัญหาใต้ตาลึก ใต้ตาคล้ำ ขอบตาดำ มีถุงใต้ตา ช่วยให้ริ้วรอยใต้ตาจางลงอย่างเห็นได้ชัด มีส่วนช่วยให้ใต้ตาดูสว่างขึ้น หน้าดูสดใสขึ้น จะช่วยให้หน้าดูเด็กลง
ฟิลเลอร์ปาก
ฉีดฟิลเลอร์ปาก คือ การฉีดฟิลเลอร์เข้าไปที่ปากบน และล่าง เพื่อเติมเต็มปากให้ดูอวบอิ่ม ตามทรงปากที่ต้องการ ทรงปากสวยขึ้นสำหรับคนที่อยากเปลี่ยนทรงปาก มีริมฝีปากบาง มีริ้วรอยบริเวณขอบปาก ปากแห้ง สามารถใช้การเติมฟิลเลอร์ปากช่วยได้ โดยใช้เพียง 1 CC และเห็นผลทันทีหลังฉีดฟิลเลอร์ สามารถเติมกระจับปากหรือใช้ฉีดเพื่อยกมุมปากเพื่อแก้ไขปัญหามุมปากตก มุมปากสองข้างไม่เท่ากัน ฉีดแล้วมุมปากสองข้างจะยกขึ้นเล็กน้อย
ฟิลเลอร์คาง
ฉีด Filler คาง หรือเติมคาง เหมาะสำหรับคนที่มีปัญหาคางตัด หรือหน้าสั้น ฟิลเลอร์คางจะช่วยเติมให้คางยาวขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ หน้าดูเรียวขึ้น ช่วยปรับรูปหน้าให้สมมาตรหรือหน้าเรียววีเชฟ ถ้าฉีดด้วยเทคนิคที่ถูกต้องก็จะได้ผลดี เป็นธรรมชาติไม่แพ้การผ่าตัดศัลยกรรมเสริมคาง และไม่ต้องพักฟื้น
ฟิลเลอร์ขมับ
ฟิลเลอร์ขมับ คือ การฉีดฟิลเลอร์ที่ขมับทั้งสองข้าง เพื่อเติมเต็มขมับที่ตอบและลึกให้ดูเต็มขึ้น คือจุดสำคัญในการปรับรูปหน้าให้ได้สัดส่วนเข้ารูปมากขึ้น และเป็นที่นิยมสำหรับคนที่ต้องการเสริมโหงวเฮ้ง ไม่ว่าด้านการค้าขายหรือธุรกิจ มีความเชื่อว่าจะทำให้รับทรัพย์มากขึ้น การเติมขมับจะช่วยพรางโหนกแก้มที่สูงให้ดูละมุนขึ้น หน้าเรียวได้สัดส่วน ช่วยให้หน้าดูมีมิติมากขึ้น หน้าดูเด็กลงและยกผิวบริเวณหางตาและหางคิ้วขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ ฟิลเลอร์ขมับเห็นผลทันที โดยที่ไม่ต้องทุบโหนกให้เจ็บตัว
ฟิลเลอร์ร่องแก้ม
ฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้ม เป็นหัตถการที่ช่วยเติมร่องลึกข้างจมูกให้ตื้นขึ้น ทำให้หน้าดูเด็กลงอย่างชัดเจน ฟิลเลอร์ร่องแก้มสามารถเติมได้ตั้งแต่ตอนที่ร่องแก้มยังไม่ลึก เพื่อป้องกันไม่ให้ร่องแก้มลึกไปกว่าเดิม
ฟิลเลอร์หน้าผาก
การเติมฟิลเลอร์หน้าผาก ก็เป็นอีกส่วนที่ช่วยในการปรับรูปหน้าให้ได้สัดส่วนสวย เป็นที่นิยมในคนที่ต้องการเสริมโหงวเฮ้งและไม่อยากผ่าตัด ให้ผลลัพธ์ที่เป็นธรรมชาติ เห็นผลทันทีหลังทำ
ประเภทของฟิลเลอร์มีกี่แบบ
ฟิลเลอร์ (Filler) ในทางการแพทย์ หมายถึงการฉีดสารเติมเต็มทุกชนิด โดยในต่างประเทศแบ่งออกเป็น 4 ประเภท ได้แก่
HA (Hyaluronic Acid) ปลอดภัย สลายหมด เป็นฟิลเลอร์ที่นิยมที่สุดทั่วโลก
Collagen จากสัตว์ ปัจจุบันไม่นิยม เนื่องจากมีความเสี่ยงต่ออาการแพ้ฟิลเลอร์ และบวมแดงได้
Transplanted Fat การฉีดไขมัน เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการเติมเต็มในปริมาณมาก
Biosynthetic Polymers เช่น ซิลิโคนเหลว ไม่ปลอดภัย ไม่สลาย และไม่ผ่าน อย.
ในประเทศไทย ฟิลเลอร์แท้ Hyaluronic Acid ที่ผ่าน อย. มีหลายยี่ห้อ และแพทย์จะประเมินและเลือกชนิดที่เหมาะสมกับปัญหาของคนไข้ เช่น เติมร่องแก้ม หรือ แก้ปัญหาใต้ตา เพื่อผลลัพธ์ออกมาสวยงาม การฉีดฟิลเลอร์ปลอดภัย

ฉีดฟิลเลอร์ มีความเสี่ยงไหม
คำถามที่หลายๆคนสงสัย โดยเฉพาะคนรู้สึกกลัวการฉีดฟิลเลอร์ ถ้าฉีดแล้วจะมีความเสี่ยงไหม?
รู้ได้ยังไงว่าฟิลเลอร์ปลอดภัย เมื่อกำลังจะเข้ารับการฉีดฟิลเลอร์ ความเสี่ยงที่อาจได้รับจากการฉีดฟิลเลอร์นั้นสามารถเกิดได้หลากหลายอย่าง ขึ้นอยู่กับความรู้ ความเชี่ยวชาญ และความชำนาญของแพทย์ผู้ทำการฉีดฟิลเลอร์ ประเภทฟิลเลอร์ที่ใช้ ฟิลเลอร์แท้/ปลอมนั้นเอง แบ่งได้ดังนี้
ความเสี่ยงทั่วไปหลังฉีดฟิลเลอร์
- อาการบวม แดง หรือช้ำ เป็นผลข้างเคียงที่พบได้บ่อยหลังการฉีด แต่จะหายไปเองภายใน 1-2 สัปดาห์ เรื่องไม่ได้อันตราย
- อาการแพ้ หากร่างกายไม่ตอบสนองดีต่อสารที่ฉีด เช่น การใช้ฟิลเลอร์ปลอม หรือไม่ได้มาตรฐาน ข้ออันตรายต่อร่างกาย
ความเสี่ยงจากความไม่ชำนาญของแพทย์
- อาการปวด บวมแดง นูนเป็นก้อน หากแพทย์ไม่ระมัดระวังในระหว่างการฉีดฟิลเลอร์ อาจเกิดการเจ็บบริเวณจุดที่ฉีดได้
- เสี่ยงเกิดการติดเชื้อฉับพลัน และการติดเชื้อแบบเรื้อรัง หากสถานที่ฉีดไม่มีมาตรฐานความสะอาดที่เพียงพอ
- การอุดตันของหลอดเลือด เกิดจากการฉีดฟิลเลอร์เข้าไปในหลอดเลือดโดยตรง ซึ่งอาจทำให้เกิดเนื้อเยื่อขาดเลือด และเสียหาย
- หากฉีดฟิลเลอร์พลาดเข้าสู่เส้นเลือด อาจทำให้ตาบอดได้
- เกิดฟิลเลอร์ไหลย้อยมากองรวมกัน หรือฟิลเลอร์เป็นก้อน เนื่องจากการฉีดด้วยเทคนิคที่ไม่ถูกต้อง
ความเสี่ยงจากการใช้ฟิลเลอร์ปลอมไม่ได้มาตรฐาน
- สารที่ใช้ไม่ได้มาตรฐาน ฟิลเลอร์ปลอมมักผลิตจากสารที่ไม่ได้มาตรฐาน ไม่ได้รับการรับรองคุณภาพ และความปลอดภัยจากอย. ทำให้ไม่ทราบที่มาของส่วนประกอบที่ชัดเจน และอาจมีการปนเปื้อนเชื้อโรค หรือสารเคมีต่างๆ อยู่
- ฟิลเลอร์ที่นำเข้าแบบผิดกฎหมาย ฟิลเลอร์ปลอม มักมีการนำเข้าอย่างผิดกฎหมาย จึงไม่สามารถตรวจสอบคุณภาพได้ และไม่ได้รับการรับรองความปลอดภัยจาก อย.
- หลังฉีดแล้วแก้ไขยาก เนื่องจากฟิลเลอร์ปลอม ไม่สามารถสลายได้เองตามธรรมชาติ ต้องทำการผ่าตัด หรือขูดออกเท่านั้น ซึ่งการแก้ไขต้องใช้เวลา และค่าใช้จ่ายในการรักษาที่สูง
- เกิดอันตรายในบริเวณที่ฉีด เนื่องจากฟิลเลอร์ปลอม มีส่วนผสมที่ไม่บริสุทธิ์ หรือมีสารปนเปื้อนต่าง ๆ อยู่มากมาย อาจทำให้เกิดอาการแพ้รุนแรง ติดเชื้อ หรือเกิดเนื้อตายได้

ปรึกษาคุณหมอ DCH

อันตรายจากฉีดฟิลเลอร์ปลอม
- ฟิลเลอร์อักเสบ ฟิลเลอร์ปลอมมักผลิตจากสารที่ไม่ได้มาตรฐานและอาจปนเปื้อนเชื้อโรค ทำให้เกิดการอักเสบหรือเป็นหนอง หากรุนแรงอาจนำไปสู่เนื้อตายหรือสูญเสียการมองเห็น
- ฟิลเลอร์เคลื่อนที่ ฟิลเลอร์ปลอมที่มีความหนืดต่ำอาจเคลื่อนไปยังส่วนอื่นของใบหน้า ทำให้เกิดความผิดรูปหรืออุดตันหลอดเลือด ส่งผลให้เกิดเนื้อตายหรือผลกระทบต่อดวงตา
- ฟิลเลอร์เกิดก้อนแข็ง และพังผืด สารที่ไม่สามารถย่อยสลายได้ เช่น ซิลิโคนเหลว อาจจับตัวเป็นก้อนแข็งใต้ผิวหนัง ทำให้ผิดรูปและเกิดพังผืด
- ฟิลเลอร์ปลอมไม่สลายตัว สารถาวร เช่น พาราฟิน ไม่สามารถสลายได้เอง จึงต้องแก้ไขด้วยการผ่าตัดหรือขูดออก เพิ่มความเสี่ยงต่อการติดเชื้อและแผลเป็นถาวร
ข้อดีของการฉีดฟิลเลอร์
ฟิลเลอร์ ช่วยแก้ปัญหาริ้วรอย และปรับรูปหน้า
ฟิลเลอร์ วิธีปลอดภัย และได้รับการยอมรับจากอย. ไม่มีสารตกค้าง ไม่ทำให้เกิดการแพ้
ฟิลเลอร์ เห็นผลลัพธ์ทันที ไม่มีรอยแผล ไม่ต้องพักฟื้น
ฟิลเลอร์ สามารถเติมได้เรื่อยๆ ปรับแต่งได้ (ถ้าไม่ชอบก็สามารถฉีดสลายออกได้ 100%)
ฟิลเลอร์ ทำให้ผิวดูเปล่งปลั่ง ลดริ้วรอย เพิ่มความชุ่มชื้น
ฟิลเลอร์ ใช้แก้ปัญหาในจุดที่ต้องการความละเอียดสูงได้ดี เช่น ใต้ตา ร่องแก้ม

ฉีดฟิลเลอร์ยี่ห้อไหนดี แต่ละยี่ห้ออยู่ได้นานแค่ไหน
การเลือกฉีดฟิลเลอร์ยี่ห้อไหนดี การเลือกยี่ห้อฟิลเลอร์ควรเลือกจากบริเวณที่ต้องการฉีดและปัญหาของแต่ละคน ทั้งนี้ควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ และประสบการณ์สูง เพื่อให้แพทย์วิเคราะห์ปัญหา และแนะนำฟิลเลอร์ยี่ห้อ และรุ่นที่เหมาะสม
ฟิลเลอร์แท้ Hyaluronic Acid (HA) ที่ได้มาตรฐาน และผ่าน อย. จะมีระยะเวลาอยู่ได้ประมาณ 6-18 เดือน โดยฟิลเลอร์แต่ละชนิดมีคุณสมบัติเฉพาะ เช่น ความแข็ง ยืดหยุ่น ค่าการอุ้มน้ำ แต่การเลือกฟิลเลอร์ต้องเหมาะกับปัญหาที่ต้องการแก้ไข เช่น เติมเต็มร่องแก้ม ใต้ตา หรือเสริมคาง เพื่อให้ผลลัพธ์ดูสวย และเป็นธรรมชาติ
หลักที่ DCH Hospital ก็จะมีฟิลเลอร์ จาก 4 ประเทศ ที่ได้รับความนิยม คือ ฟิลเลอร์ จากเกาหลีใต้, อเมริกา, สวิตเซอร์แลนด์ และเยอรมนี สรุประยะเวลาของฟิลเลอร์แต่ละรุ่นไว้ดังนี้

ฟิลเลอร์ Belotero อยู่ได้นานแค่ไหน
ฟิลเลอร์ Belotero หรือที่รู้จักกันอีกชื่อ Colorful filler เป็นฟิลเลอร์จากประเทศสวิสเซอร์แลนด์ มีหลากหลายรุ่นให้เลือกใช้ ซึ่งแต่ละรุ่นจะมีคุณสมบัติเฉพาะแตกต่างกันออกไป เพื่อใช้แก้ไขปัญหาผิวบนใบหน้าได้อย่างครอบคลุม
- Belotero Soft เหมาะสำหรับเติมเต็มริ้วรอยตื้น ใต้ตา อยู่ได้นาน 6-9 เดือน
- Belotero Balance เหมาะสำหรับเติมเต็มปาก ร่องลึก และปรับรูปหน้า อยู่ได้นาน 12 – 18 เดือน
- Belotero Intense เหมาะสำหรับเติมเต็มปาก ร่องลึก และปรับรูปหน้า อยู่ได้นาน 12 เดือน
- Belotero Volume เหมาะสำหรับเพิ่มวอลลุ่ม เช่น แก้ม คาง ขมับ อยู่ได้นาน 12 -18 เดือน
- Belotero Revive เหมาะสำหรับเพิ่มความชุ่มชื้น และฟื้นฟูผิว อยู่ได้นานประมาณ 6 เดือน

ฟิลเลอร์ Juvederm อยู่ได้นานแค่ไหน
ฟิลเลอร์ Juvederm ฟิลเลอร์จากประเทศอเมริกา ที่ได้รับความนิยม และมียอดใช้งานทั่วโลกสูง เป็นฟิลเลอร์ที่มีความปลอดภัยสูง สามารถสลายได้เองหลังฉีด ไม่มีผลข้างเคียง และก่อให้เกิดอาการแพ้ได้ยาก
- Juvederm Volift เหมาะสำหรับเติมเต็มร่องลึก ฉีดบริเวณร่องลึกต่างๆ เช่น ฟิลเลอร์ร่องแก้ม ร่องน้ำหมาก แก้มตอบ ขมับ รวมไปถึงฉีดบริเวณใต้ตาชั้นลึกเพื่อแก้ไขถุงใต้ตาเบ้าตาโหล และปรับรูปทรงปาก เพิ่มวอลลุ่มปาก ลดรูขุมขนกว้าง อยู่ได้นาน 12 – 18 เดือน
- Juvederm Voluma เหมาะสำหรับฉีดฟิลเลอร์ขมับ แก้มส้ม แก้มตอบ ปรับคางให้ดูละมุน ยกกระชับช่วงหน้าแก้มแก้ไขร่องแก้ม มุมปากตก อยู่ได้นานประมาณ 18 – 24 เดือน
- Juvederm Volbella เหมาะสำหรับฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาชั้นลึกตามแนวกระดูกเบ้าตา และฉีดเพิ่มความชุ่มชื้นให้แก่ริมฝีปากโดยที่ไม่เปลี่ยนแปลงทรงปากเดิม อยู่นานประมาณ 8 – 12 เดือน
- Juvederm Volux เหมาะสำหรับปรับแนวกระดูกบริเวณกราม ขากรรไกร และฟิลเลอร์คาง เพิ่มความยาว เพื่อปรับรูปหน้าและกรอบหน้าให้มีความชัดได้รูปมากยิ่งขึ้น อยู่นานประมาณ 18 – 24 เดือน

ฟิลเลอร์ Ultra V Hyal Filler อยู่ได้นานแค่ไหน
ฟิลเลอร์ Ultra V Hyal Filler ฟิลเลอร์ตัวใหม่จากประเทศเกาหลี ที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากทั้งในประเทศเกาหลี ประเทศไทย และอีกกว่า 41 ประเทศทั่วโลก ผลิตด้วยเทคโนโลยี R Square ที่ผสานฟิลเลอร์แบบ Monophasic และ Biphasic เข้าด้วยกันทำให้ได้เนื้อฟิลเลอร์ มีความยืดหยุ่นสูง คงรูปได้ดี ปลอดภัย ไม่ตกค้าง และไม่ก่อให้เกิดอาการข้างเคียง
- Ultra V Hyal Fille รุ่น Fine ฟิลเลอร์เนื้อเจลที่มีความบางเบามากที่สุดในรุ่น เหมาะสำหรับฉีดบริเวณที่ผิวบาง และริ้วรอยตื้น ๆ เช่น ใต้ตา ริ้วรอยรอบดวงตา และริมฝีปาก เพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิว อยู่นานประมาณ 6 – 8 เดือน
- Ultra V Hyal Filler รุ่น Medium ฟิลเลอร์เนื้อเจลที่มีความหนาแน่น และคงตัวมากกว่ารุ่น Fine เหมาะสำหรับฉีดลดเลือนริ้วรอย และเพิ่มวอลลุ่มให้กับผิวบริเวณ หน้าผาก ร่องแก้ม ร่องน้ำหมาก แก้ไขปัญหาลึกปานกลาง อยู่นานประมาณ 8 – 16 เดือน
- Ultra V Hyal Filler รุ่น Hard ฟิลเลอร์เนื้อเจลที่มีความหนาแน่น และแข็งที่สุดในรุ่น เหมาะสำหรับฉีดบริเวณที่ต้องการสร้างโครงสร้าง และเพิ่มวอลลุ่ม เช่น คาง ขมับ หรือปรับรูปหน้าในจุดที่ต้องการความคงตัวสูง อยู่นานประมาณ 12 – 18 เดือน

ฟิลเลอร์ Radiesse อยู่ได้นานแค่ไหน
ฟิลเลอร์ Radiesse Filler เป็นฟิลเลอร์ชนิดพิเศษที่ใช้ Calcium Hydroxylapatite (CaHA) จากประเทศเยอรมนี ซึ่งเป็นสารที่กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใต้ชั้นผิว ได้รับความนิยมนำมาใช้ในวงการการแพทย์ความงาม เช่น การเติมเต็มกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใหม่ได้ หรือการยกกระชับใบหน้าโดยไม่ใช้เครื่องมือ เหมาะสำหรับการเติมเต็มและยกกระชับผิวหน้า ปลอดภัย ไม่ตกค้าง และไม่ก่อให้เกิดอาการข้างเคียง
- Radiesse Regular เหมาะสำหรับผู้ที่มีอายุมากกว่า 30 ปีขึ้นไป เติมเต็มและยกกระชับบริเวณใบหน้า เช่น ขมับ ร่องแก้ม คาง และกรอบหน้า อยู่นาน ประมาณ 12-18 เดือน
- Radiesse (+) (Radiesse Plus)

ปรึกษาคุณหมอ DCH

ฉีดสลายฟิลเลอร์
การฉีดสลายฟิลเลอร์ คือการใช้เอนไซม์ไฮยาลูโรนิเดส (Hyaluronidase) ฉีดเพื่อสลายฟิลเลอร์ชนิด Hyaluronic Acid (HA) ที่ไม่เหมาะสม ช่วยละลายออกได้หมด 100% เป็นวิธีทำให้ฟิลเลอร์สลาย กรณีที่ต้องการแก้ไขผลลัพธ์ เช่น ฟิลเลอร์เป็นก้อน ฟิลเลอร์ไหล หรือฉีดผิดตำแหน่ง โดยเอนไซม์นี้จะช่วยเร่งการสลายตัวของฟิลเลอร์อย่างปลอดภัยและรวดเร็ว
ฉีดสลายฟิลเลอร์เหมาะกับใคร
- ผู้ที่ฉีดฟิลเลอร์ปลอม หรือฟิลเลอร์ที่ไม่ได้มาตรฐาน
- ผู้ที่ฉีดฟิลเลอร์ระยะหนึ่งอาการบวม เป็นก้อน กดไม่ลง ไม่พอใจกับผลลัพธ์
- ต้องการปรับแก้ผลลัพธ์ของฟิลเลอร์
- มีอาการแพ้หรือการอุดตันของเส้นเลือดหลังฉีด
การฉีดสลายฟิลเลอร์ควรทำโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น เนื่องจากต้องประเมินปริมาณที่เหมาะสมในแต่ละกรณี เพื่อความปลอดภัย และป้องกันการเกิดผลข้างเคียง การฉีดสลายไม่เพียงแก้ไขปัญหาฟิลเลอร์ผิดพลาด แต่ยังช่วยฟื้นฟูความมั่นใจให้คนไข้กลับมามีใบหน้าที่สวยงาม และสมบูรณ์แบบอีกครั้ง

ขูดฟิลเลอร์
การขูดฟิลเลอร์มักเกิดจากการฉีดฟิลเลอร์ปลอม หรือฟิลเลอร์เถื่อนที่ไม่ได้รับรองจาก อย. โดยฟิลเลอร์ปลอมมักมีเนื้อหยาบ บริสุทธิ์ต่ำ มีสารปนเปื้อน หรือใช้ส่วนผสมที่ร่างกายดูดซึมไม่ได้ ทำให้ไม่สามารถสลายตามธรรมชาติ และยังอาจมีการเจือปนสารอันตราย เช่น แอลกอฮอล์หรือสารเคมีอื่น ๆ
ฟิลเลอร์ปลอมมีความเสี่ยงสูงต่ออาการแพ้ อักเสบ ติดเชื้อ หรือเกิดก้อนแข็ง ไหลย้อย ส่งผลให้รูปหน้าผิดรูป ซึ่งสาเหตุหลักที่หลายคนเลือกใช้ฟิลเลอร์ปลอมคือราคาถูกและโปรโมชั่นที่ดึงดูดใจ แต่กลับนำมาซึ่งผลข้างเคียงร้ายแรงจนต้องแก้ไขด้วยการขูดฟิลเลอร์ในภายหลัง
อาการที่ควรขูดฟิลเลอร์ออก
- ฟิลเลอร์แข็งเป็นก้อนผิดปกติ ไม่ยุบ ไหลรวมกันเป็นก้อน
- เกิดพังผืน หรือเนื้อเยื่อแข็ง เพราะอยู่ในร่างกายนานจนเกาะตัวเป็นผิว
- เกิดการอักเสบ ติดเชื้อ หรือมีอาการแพ้ฟิลเลอร์ปลอม
- รูปหน้าผิดรูปจนเสียความมั่นใจจากปัญหาฟิลเลอร์
- มีสารตกค้างปลอมค้างอยู่ และต้องการฉีดฟิลเลอร์แท้ใหม่
หากพบว่า เข้าข่ายอาการข้างต้น แนะนำรีบเข้าปรึกษาแพทย์ เพื่อประเมินว่าจำเป็นต้องขูดฟิลเลอร์หรือไม่? ที่สำคัญการขูดฟิลเลอร์ควรทำโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น เพื่อป้องกันผลข้างเคียงและแก้ไขปัญหาได้อย่างปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ

ทำไมต้องเลือกฉีดฟิลเลอร์ ที่ DCH Hospital
- มาตรฐานระดับสากล โรงพยาบาลของเรามีใบรับรองมาตรฐาน พร้อมอุปกรณ์ที่ทันสมัย ให้คุณมั่นใจในความปลอดภัยสูงสุด
- ทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ การฉีดฟิลเลอร์ดำเนินการโดยแพทย์ที่มีประสบการณ์ยาวนาน และเข้าใจโครงสร้างใบหน้าอย่างลึกซึ้ง
- ฟิลเลอร์แท้ 100% ใช้ฟิลเลอร์แท้ที่ผ่านการรับรองจาก อย. พร้อมแหล่งนำเข้าที่ตรวจสอบได้
- ราคาสมเหตุสมผล ราคาที่โปร่งใส ไม่มีค่าใช้จ่ายแอบแฝง มั่นใจว่าคุ้มค่ากับผลลัพธ์
- ติดตามผลหลังการฉีดทุกเคส เราใส่ใจดูแลคนไข้ทุกขั้นตอน พร้อมติดตามผลหลังฉีด เพื่อให้มั่นใจว่าคุณจะได้รับผลลัพธ์ที่ดีที่สุด
ต้องเลือกโรงพยาบาลที่ได้มาตรฐานสากล เพราะเรามีดูแลผิวพรรณ และปรับรูปหน้า DCH Dr.CHEN Hospital Skin Center คือคำตอบที่ตอบโจทย์ทุกปัญหาผิว เพื่อประสบการณ์การฉีดฟิลเลอร์ที่ปลอดภัย มั่นใจ และเปลี่ยนคุณให้ดูดีอย่างเป็นธรรมชาติ
FAQ คำถามที่พบบ่อย
ฟิลเลอร์ อันตรายไหม

ฉีดฟิลเลอร์อันตรายไหม มีความเสี่ยงอะไรบ้าง เลือกฉีดฟิลเลอร์ที่ไหนดี หลายๆ คนอาจเกิดคำถามนี้ขึ้น เมื่อกำลังจะเข้ารับการฉีดฟิลเลอร์มีความเสี่ยงที่อาจได้รับจากการฉีดฟิลเลอร์นั้น การฉีดฟิลเลอร์ถือเป็นหัตถการเสริมความงามที่ปลอดภัย หากทำโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ และใช้ฟิลเลอร์ที่ได้รับการรับรองมาตรฐานจากหน่วยงานที่เชื่อถือได้ อย. US FDA (องค์การอาหารและยาของสหรัฐอเมริกา) ได้อนุมัติว่า ฟิลเลอร์ประเภท Hyaluronic Acid (HA) ซึ่งเป็นสารที่เลียนแบบธรรมชาติในร่างกายที่ปลอดภัย ยังสามารถย่อยสลายได้เอง และไม่มีสารตกค้าง 100% ฉีดใหม่ได้เรื่อยๆ โดยไม่เป็นอันตราย เราควรมาทำความรู้จักประเภทของฟิลเลอร์กันก่อนนะครับ
วิธีดูฟิลเลอร์แท้ที่ปลอดภัย สังเกตได้จากอะไรบ้าง
การเลือกฟิลเลอร์แท้ที่ได้มาตรฐานเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อความปลอดภัยและลดความเสี่ยงจากการใช้ฟิลเลอร์ปลอมที่อาจก่อให้เกิดอันตราย เช่น อักเสบ บวมแดง หรือเป็นก้อนแข็ง โดยฟิลเลอร์แท้แต่ละยี่ห้อจะมีจุดสังเกตสำคัญ
เลขทะเบียนอย. ที่กล่อง ตรวจสอบว่ามีการขึ้นทะเบียนอย่างถูกต้องในประเทศไทย
เอกสารกำกับภาษาไทย ฟิลเลอร์แท้ต้องมีข้อมูลและคำแนะนำเป็นภาษาไทยอย่างครบถ้วน
เลข Lot ตรงกัน เลข Lot บนกล่อง ซอง สติกเกอร์ หรือหลอด ต้องตรงกันทุกตำแหน่ง
ตรวจสอบกับบริษัทนำเข้า สามารถโทรตรวจสอบเลข Lot กับบริษัทผู้นำเข้าอย่างถูกกฎหมาย
ฟิลเลอร์แท้แต่ละยี่ห้อ เช่น Juvederm, Ultra V Hyal Fille หรือ Belotero จะมีจุดสังเกตที่แตกต่างกันไปเล็กน้อย การตรวจสอบข้อมูลเหล่านี้ก่อนฉีดช่วยให้มั่นใจว่าคุณได้รับฟิลเลอร์แท้ที่ปลอดภัย โดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจะแนะนำยี่ห้อที่เหมาะสมกับปัญหาของคุณและฉีดด้วยเทคนิคที่ถูกต้อง
การฉีดแต่ละจุดต้องใช้ฟิลเลอร์กี่ CC

การฉีดฟิลเลอร์ แต่ละจุดต้องใช้ฟิลเลอร์กี่ CC หมอจะประเมินจากปัญหา และความต้องการของคนไข้แต่ละคน เพื่อแนะนำปริมาณฟิลเลอร์ที่ควรใช้อย่างเหมาะสมครับ จะทำให้ได้ผลลัพธ์ที่ชัดเจน เป็นธรรมชาติ
การฉีดฟิลเลอร์เหมาะกับใคร
- ผู้ที่ต้องการลดเลือนริ้วรอยที่เป็นร่องลึก
- ผู้ที่มีผิวหย่อนคล้อยจากวัยที่เพิ่มขึ้น
- ผู้ที่มีปัญหาถุงใต้ตา ร่องน้ำตาลึก ใต้ตาลึกทำให้ดูคล้ำ
- ผู้ที่ต้องการแก้ไขฝีปากไม่ได้รูป หรือริมฝีปากบาง
- ผู้ที่ต้องการเติมส่วนต่างๆ บนใบหน้า เช่น จมูก หน้าผาก คาง
- ผู้ที่มีปัญหารอยหลุมสิวและรูขุมขนกว้าง
- ผู้ที่ต้องการให้ผิวชุ่มชื้นดูฉ่ำน้ำ
ข้อควรปฏิบัติก่อนฉีดฟิลเลอร์

การเตรียมตัวก่อนฉีดฟิลเลอร์ (Filler) เป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยลดความเสี่ยง และเพิ่มประสิทธิภาพในการแก้ไขปัญหาใบหน้า โดยแพทย์แนะนำข้อควรปฏิบัติหลักๆ คือ
- งดยาและอาหารเสริมบางชนิด หลีกเลี่ยงการใช้ยาแอสไพริน, ไอบูโพรเฟน, วิตามินอี, โสม หรืออาหารเสริมที่ทำให้เลือดแข็งตัวช้าลง เป็นเวลา 1 – 2 สัปดาห์ก่อนฉีด
- หลีกเลี่ยงเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ควรงดดื่มแอลกอฮอล์ 24-48 ชั่วโมงก่อนเข้ารับการฉีด เพื่อลดความเสี่ยงในการเกิดรอยช้ำและบวม
- หยุดใช้ผลิตภัณฑ์ผลัดเซลล์ผิว เช่น กรด AHA, BHA หรือ Retinol ในบริเวณที่จะฉีดล่วงหน้า 1 สัปดาห์ เพื่อป้องกันการระคายเคือง
- งดคอร์สเลเซอร์ การนวดหน้าอย่างน้อย 3 วัน ก่อนฉีดฟิลเลอร์
- ดื่มน้ำและพักผ่อนเพียงพอ การดื่มน้ำช่วยให้ผิวชุ่มชื้นและส่งผลต่อการฉีดที่ดูเป็นธรรมชาติ
- แจ้งประวัติสุขภาพ หากมีโรคประจำตัว, แพ้ยา, หรือเคยฉีดฟิลเลอร์มาก่อน ควรแจ้งแพทย์อย่างละเอียด
ปฏิบัติตามคำแนะนำแพทย์ การเลือกโรงพยาบาลที่ได้มาตรฐาน การเลือกหมอ เทคนิคในการทำ รวมไปถึงวิธีการสังเกตฟิลเลอร์แท้แต่ละยี่ห้อ เพื่อความปลอดภัยและมั่นใจว่าจะได้ผลลัพธ์ที่ดีคุ้มค่า
ข้อควรปฏิบัติหลังฉีดฟิลเลอร์

หลังฉีดฟิลเลอร์ (Filler) ควรปฏิบัติตามคำแนะนำจากแพทย์อย่างเคร่งครัด เพื่อให้ฟิลเลอร์เข้าที่ได้ดีและลดโอกาสเกิดผลข้างเคียง
- หลีกเลี่ยงการแตะ แกะ หรือกดนวด อย่าสัมผัสจุดที่ฉีดโดยไม่จำเป็นในช่วง 3 วันแรก เพราะอาจทำให้ฟิลเลอร์เคลื่อนตัว
- รับประทานยาให้ครบ หากไม่ได้กินยาฆ่าเชื้อก่อนทำ ควรเริ่มกินทันทีหลังฉีด พร้อมยาแก้ปวดและยาลดบวมตามแพทย์สั่ง
- หลีกเลี่ยงความร้อน งดซาวน่า ออกกำลังกายหนัก และกิจกรรมที่ทำให้หน้าแดงอย่างน้อย 48 ชั่วโมง ควรอยู่ในที่อากาศเย็น
- งดเลเซอร์ร้อน หลีกเลี่ยงเลเซอร์ที่ลงผิวชั้นลึก เช่น HIFU, RF หรือโปรแกรมอื่น ๆ อย่างน้อย 1 เดือน
- อย่าขยับผิวในจุดที่ฉีดมาก โดยเฉพาะช่วง 3 วันแรก เพราะอาจทำให้ฟิลเลอร์เคลื่อนได้
- ปรับอาหารการกิน งดแอลกอฮอล์ อาหารหมักดอง อาหารเผ็ดจัด หวานจัด และอาหารดิบที่ไม่สะอาด รวมถึงหลีกเลี่ยงอาหารที่ต้องนั่งหน้าเตาร้อน
หากพบอาการบวมมากผิดปกติหลัง 3 วัน ควรรีบติดต่อแพทย์ทันทีเพื่อการดูแลที่เหมาะสม
ฉีดฟิลเลอร์กับเติมไขมันอันไหนดีกว่ากัน
ฉีดฟิลเลอร์กับฉีดไขมันอันไหนดีกว่ากัน อยู่ได้นานกี่ปี เป็นคำถามยอดฮิตที่หลายๆ คนถามกันเข้ามา โดยทั้ง 2 วิธีนี้เป็นการช่วยเติมเต็มเหมือนกัน แต่ผลลัพธ์และการทำงานค่อนข้างต่างกัน

หากใครที่ต้องการปรับยกกระชับรูปหน้า แลดูเป็นธรรมชาติให้เห็นผลทันทีและอยู่ได้นาน แนะนำเป็นการเติมฟิลเลอร์จะตอบโจทย์มากกว่า
ฟิลเลอร์ยี่ห้อไหนดีที่สุด
ไม่มีฟิลเลอร์ยี่ห้อไหนที่เหมาะกับทุกจุดบนใบหน้าครับ เป็นเหตุผลที่ฟิลเลอร์แต่ละยี่ห้อ มีหลายรุ่น แต่ละจุดที่ฉีดก็เหมาะกับเนื้อฟิลเลอร์ที่แตกต่างกันไป หมอที่ทำการฉีดจะต้องประเมินว่าคนไข้แต่ละคนมีปัญหาตรงจุดไหน และเลือกฟิลเลอร์รุ่นที่เหมาะสม เพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุด
ฉีดฟิลเลอร์ บวมกี่วัน กี่วันเห็นผล
หลังฉีดฟิลเลอร์ เห็นผลการเปลี่ยนแปลงทันทีครับ อาการบวมจะหายไปเองได้ใน 7 – 14 วัน และรอประมาณ 2 สัปดาห์ ฟิลเลอร์จึงจะยุบบวมเข้าที่และเห็นผลชัดเจน
