“ดึงหน้าแล้วไม่ตึง” เป็นหนึ่งในปัญหาที่หลายคนพบหลังจากทำศัลยกรรมดึงหน้า ซึ่งอาจทำให้ผิดหวังกับผลลัพธ์ เพราะลงทุนทั้งเวลาและค่าใช้จ่าย แต่ผิวกลับไม่กระชับอย่างที่ตั้งใจไว้ ทั้งที่เทคโนโลยีการ ศัลยกรรมดึงหน้า (Facelift) ปัจจุบันพัฒนาไปมาก จึงเกิดคำถามว่า ทำไมบางคนดึงหน้าแล้วตึงสวย แต่บางคนกลับไม่เห็นความแตกต่าง?
เข้าใจก่อนว่า "ศัลยกรรมดึงหน้า" คืออะไร

ศัลยกรรมดึงหน้า หรือ Facelift คือการผ่าตัดเพื่อยกกระชับผิวหน้าและชั้นกล้ามเนื้อใต้ผิว (SMAS Layer) ที่หย่อนคล้อยตามวัย โดยแพทย์จะทำการเปิดแผลเล็กบริเวณขมับ หน้าหู หรือหลังใบหู จากนั้นทำการ “เลาะและยก” ชั้นกล้ามเนื้อขึ้นใหม่ เพื่อให้ใบหน้ากลับมาตึง กระชับ และดูอ่อนเยาว์กว่าเดิม
แต่การดึงหน้าไม่ได้หมายถึง “ดึงผิวอย่างเดียว” เท่านั้น เพราะถ้าแพทย์ดึงเฉพาะผิวชั้นบน ผลลัพธ์จะอยู่ได้ไม่นานและอาจเกิดปัญหาผิวเป็นคลื่น หรือไม่ตึงอย่างที่หวัง ซึ่งนี่เองคือสาเหตุสำคัญที่ทำให้บางเคส “ดึงหน้าแล้วไม่เห็นผล”
3 สาเหตุหลัก ทำไมดึงหน้าแล้วไม่ตึง
1. ดึงเฉพาะ “ผิวหนังชั้นบน” ไม่ถึงชั้น SMAS
ปัญหาหลักของการดึงหน้าไม่ตึง มักมาจากการยกผิวเพียงชั้นผิวหนัง โดยไม่แตะชั้นกล้ามเนื้อ (SMAS) ที่เป็นต้นเหตุของความหย่อนคล้อยจริง ๆ ซึ่งผลลัพธ์จะอยู่ได้ไม่นาน — ส่วนใหญ่เพียง 6 เดือนถึง 1 ปี ก็เริ่มเห็นรอยหย่อนกลับมาอีกครั้ง
SMAS Layer (Superficial Musculoaponeurotic System)
คือชั้นที่เชื่อมต่อกล้ามเนื้อกับผิวหน้า เมื่ออายุมากขึ้น ชั้นนี้จะหย่อนลง ทำให้ผิวตก เหนียงปรากฏ ร่องแก้มลึก และรูปหน้าเปลี่ยน การดึงที่ไม่ได้ยกถึงชั้นนี้ จึงไม่สามารถแก้ปัญหาจากต้นเหตุได้
แนวทางแก้ไข
เลือกเทคนิค Deep SMAS Facelift หรือ DCH Facelift ที่ยกกระชับลึกถึงชั้นกล้ามเนื้อ โดยแพทย์จะใช้กล้องส่อง 4K เพื่อมองเห็นโครงสร้างภายในอย่างชัดเจน ดึงและยกเฉพาะจุดที่หย่อนคล้อย เพื่อให้ผลลัพธ์อยู่ได้นาน 7–10 ปี
2. ดึงหน้าไม่เหมาะกับ “ระดับความหย่อนคล้อย” ของแต่ละคน
อีกหนึ่งเหตุผลที่หลายคน “ดึงหน้าแล้วไม่ตึง” คือเลือกเทคนิคที่ไม่เหมาะสมกับปัญหาจริง เช่น
- เคสที่มีไขมันแก้มเยอะ แต่เลือกทำ Mini Lift ที่ยกเฉพาะขมับ
- เคสอายุมากกว่า 50 ปี แต่เลือกเทคนิค Suture Lift หรือดึงด้วยไหมแทนผ่าตัด
- หรือมีร่องแก้มลึกมาก แต่ยกเฉพาะช่วงกรอบหน้า
- ผลลัพธ์ที่ได้จึงไม่ตอบโจทย์ เพราะไม่ได้ยกทั้งระบบของชั้นกล้ามเนื้อใบหน้า
แนวทางแก้ไข
ก่อนตัดสินใจควรให้แพทย์ประเมินระดับความหย่อนคล้อยอย่างละเอียดด้วยเทคโนโลยี 3D Face Scan เพื่อออกแบบการดึงหน้าที่เหมาะกับแต่ละบุคคล เช่น
- Mid Facelift – เน้นแก้ร่องแก้มและแก้มตก
- Full Facelift – ยกกระชับลึกถึงชั้นกล้ามเนื้อและไขมัน
- Endoscopic Facelift (ส่องกล้อง 4K) – แผลเล็ก ฟื้นตัวไว เหมาะกับคนวัย 30–45 ปี
การเลือกเทคนิคให้ถูกต้องตั้งแต่แรก คือหัวใจสำคัญของการ “ดึงหน้าแล้วตึงจริง”
3. ไม่ดูแลหลังผ่าตัดอย่างถูกวิธี
- แม้จะใช้เทคนิคที่ดีและแพทย์มีความชำนาญ แต่ถ้าไม่ปฏิบัติตัวหลังผ่าตัดอย่างถูกต้อง ก็อาจทำให้ผลลัพธ์ไม่ตึงเท่าที่ควร เช่น
- นอนหมอนต่ำเกินไป ทำให้ใบหน้าบวมและรอยเย็บตึง
- ขยับใบหน้ามากเกินไปในช่วงแรก ทำให้แผลแยกหรือรอยดึงไม่สมมาตร
- ไม่มาติดตามตามนัดแพทย์ ทำให้พลาดการดูแลหลังผ่าตัดที่จำเป็น เช่น การตัดไหม การดูแลรอยบวม และการทำเลเซอร์ลดรอยแผล
แนวทางแก้ไข
หลังทำศัลยกรรมดึงหน้า ควรปฏิบัติตามคำแนะนำแพทย์อย่างเคร่งครัด เช่น
- ประคบเย็น 48 ชั่วโมงแรก และประคบอุ่นต่ออีก 3–5 วัน
- นอนศีรษะสูง 30–45 องศา เพื่อลดบวม
- งดออกกำลังกายหรือยกของหนัก 3–4 สัปดาห์
- เข้ารับการติดตามผลทุกครั้งเพื่อให้แพทย์ประเมินความตึงและการฟื้นตัว
ดึงหน้าแบบไหนปลอดภัยและเหมาะกับคุณ
ปัจจุบันมีเทคนิคการดึงหน้าหลากหลาย เช่น
- SMAS Facelift : ดึงทั้งชั้นผิวและชั้นกล้ามเนื้อ เหมาะกับผู้ที่มีความหย่อนคล้อยมาก
- Mini Facelift : เหมาะกับผู้ที่มีปัญหาเล็กน้อย อยากผลลัพธ์เบาๆ ไม่ต้องพักฟื้นนาน
- Endoscopic Facelift (ดึงหน้าส่องกล้อง) : แผลเล็ก เจ็บน้อย เหมาะกับคนกลัวรอยแผลเป็น
- Full Facelift : เหมาะกับเคสที่ต้องการยกทั่วใบหน้า ทั้งส่วนกลาง ล่าง และลำคอ
เลือกเทคนิคที่เหมาะสมควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านศัลยกรรมใบหน้าโดยเฉพาะ
และเลือกโรงพยาบาลที่มีมาตรฐาน ความปลอดภัย และทีมดมยาสลบที่มีประสบการณ์
ศัลยกรรมดึงหน้า เทคนิค DCH FACE YOUNG

ศัลยกรรมดึงหน้า Face Young เทคนิคพิเศษเฉพาะ Dr.CHEN Surgery Hospital International Center เริ่มต้นจากคุณหมอเชนได้คิดเทคนิคเฉพาะทางนี้ เป็นการผ่าตัดดึงหน้าที่ทำการยกกระชับผิวหน้า และเนื้อเยื่อทั้งหมดของใบหน้าและลำคอ ยกตั้งแต่ชั้น SMAS เพื่อปรับและแก้ไขสภาพของริ้วรอยเหี่ยวย่น ความหย่อนคล้อย และความไม่เรียบเนียนของผิวหนัง กระบวนการนี้มักจะรวมถึงการตัดเนื้อเยื่อส่วนเกิน การยกกระชับกล้ามเนื้อใบหน้า และการจัดเรียงผิวหนังใหม่ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดูอ่อนวัยและสดใสมากขึ้น DCH FACE-YOUNG จะครอบคลุมหลายส่วนของใบหน้า รวมถึงหน้าผาก, บริเวณรอบดวงตา, แก้ม, และคอ คุณหมอเชน ให้ความสำคัญเรื่องรอยผ่าตัด ไว้เพียงจุดเล็กๆ เย็บแผลสวย บวมช้ำน้อย ใช้เวลาพักฟื้นไม่นาน ลูกค้าสามารถกลับไปใช้ชีวิตได้ตามปกติ จะทำให้ใบหน้าดูกลับมามีอายุน้อย หน้าเด็กลดลง
จุดเด่นของเทคนิค DCH Face Young
เทคนิคนี้เน้นผลลัพธ์ที่ดูเป็นธรรมชาติ ไม่ทำให้ใบหน้าดูแข็งหรือผิดรูป เป็นการผ่าตัดที่ลงลึกถึงชั้น SMAS (Superficial Musculoaponeurotic System) ซึ่งเป็นชั้นเนื้อเยื่อที่สำคัญในการพยุงโครงสร้างของใบหน้า ทำให้ได้ผลลัพธ์ที่ชัดเจนและยาวนาน ทีมแพทย์ DCH จะให้ความสำคัญกับรอยแผลผ่าตัด โดยจะทำการผ่าตัดในจุดที่เล็กและซ่อนรอยแผลได้ดี ผู้ที่เข้ารับการผ่าตัดสามารถพักฟื้นได้ในระยะเวลาอันสั้น และสามารถกลับไปใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติ ที่สำคัญเทคนิคนี้ทำการยกกระชับผิวหน้าและเนื้อเยื่อทั้งหมดของใบหน้าและลำคอ รวมถึงหน้าผาก บริเวณรอบดวงตา แก้ม และคอ
ดึงหน้าที่ไหน ราคาเท่าไหร่
ค่าใช้จ่ายในการดึงหน้านั้นขึ้นอยู่กับตำแหน่งที่ต้องการจะยกกระชับ และตามการประเมินจากทางแพทย์ โดยราคาการดึงหน้าเฉพาะจุดที่ DCH เริ่มต้นที่ 120,000 บาท ซึ่งราคานี้ถือว่าคุ้มค่า เพราะดูแลโดยทีมแพทย์เฉพาะทาง ด้วยเทคนิค “DCH FACE YOUNG” เทคนิคดึงหน้าแบบเฉพาะของเรา ที่ช่วยให้คุณกลับมาตึงกระชับ ดูสดใส ดูเด็กลง 10 ปี
- ผ่าตัดโดยแพทย์ผู้ชำนาญการเฉพาะทางด้านศัลยกรรม
- เป็นเทคนิคพิเศษ ดึงยกไปถึงชั้น SMAS ทำให้มุมปากยิ้มขึ้น
- แผลเล็ก พักฟื้นไม่นาน ด้วยเทคนิคเฉพาะ ยกกระชับระดับชั้น SMAS
- ห้องผ่าตัดมาตรฐานโรงพยาบาลอุปกรณ์ครบครันและทันสมัยทุกเคส
ศัลยกรรมดึงหน้า ไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิด
ในยุคปัจจุบัน การ ศัลยกรรมดึงหน้า ไม่ได้มีแค่ภาพจำเก่าๆ ที่หน้าตึง แข็ง หรือแผลใหญ่ แต่ด้วยเทคนิคใหม่ๆ เช่น การผ่าตัดแบบส่องกล้อง หรือ การเย็บซ่อนแผลตามแนวไรผม ทำให้แผลเล็กลง เจ็บน้อย และฟื้นตัวไวกว่าเดิมมาก ที่สำคัญคือ ผลลัพธ์สามารถอยู่ได้นานถึง 7-10 ปี หากดูแลตัวเองดี และไม่จำเป็นต้องกลับมาทำซ้ำบ่อยๆ เหมือนหัตถการทั่วไป
บทสรุป ดึงหน้าแล้วไม่ตึง แก้ได้ ถ้าเข้าใจต้นเหตุ
การดึงหน้าไม่ตึงไม่ได้หมายความว่าศัลยกรรมล้มเหลวเสมอไป แต่อาจเกิดจากการเลือกเทคนิคไม่เหมาะสม การดึงไม่ถึงชั้นกล้ามเนื้อ หรือการดูแลหลังผ่าตัดไม่ถูกต้อง หากเข้าใจ “ต้นเหตุของปัญหา” และเลือกทำกับทีมแพทย์ที่มีประสบการณ์เฉพาะทาง พร้อมเทคโนโลยีที่เหมาะสม เช่น DCH Faceyoung ก็จะช่วยให้ผลลัพธ์การยกกระชับ ตึงจริง ดูธรรมชาติ และอยู่ได้นานหลายปี

Author: DCH Hospital
Dr.Chen Writer
