หลายคนอาจคุ้นเคยกับการ ทำคาง หรือ เสริมคาง ว่าเป็นศัลยกรรมที่นิยมในผู้หญิง เพื่อปรับรูปหน้าให้เรียวยาว ดูมีมิติ แต่ในความจริงแล้ว เสริมคางผู้ชาย กำลังได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อย ๆ โดยเฉพาะในยุคที่ภาพลักษณ์และความมั่นใจมีความสำคัญต่อการทำงาน การเข้าสังคม และการใช้ชีวิตประจำวัน บทความนี้จะพาคุณมาทำความเข้าใจว่า ผู้ชายสามารถเสริมคางได้หรือไม่ แตกต่างจากผู้หญิงอย่างไร มีเทคนิคการทำคางแบบไหนบ้าง พร้อมแนะนำวิธีเลือกสถานพยาบาลว่า เสริมคางที่ไหนดี เพื่อความปลอดภัยและได้ผลลัพธ์ที่ตรงใจ
การเสริมคาง (Chin Augmentation)
- เสริมคางด้วยซิลิโคน → ใส่วัสดุซิลิโคนทางการแพทย์เข้าไปที่บริเวณคาง
- เลื่อนกระดูกคาง (Genioplasty) → ผ่าตัดปรับตำแหน่งกระดูกคางให้สมดุล
- ฉีดฟิลเลอร์คาง → ใช้สารเติมเต็ม (Hyaluronic Acid) เพื่อปรับรูปคางแบบไม่ผ่าตัด
ทำไมถึงนิยมเสริมคาง
- แก้ปัญหาคางสั้น คางถอย ทำให้หน้าดูกลม
- ทำให้ใบหน้าดูเรียวยาวขึ้น (V-shape)
- ช่วยให้สัดส่วนใบหน้าดูสมดุล
- เพิ่มความมั่นใจและบุคลิกภาพ
คำตอบคือ ได้แน่นอน ศัลยกรรมเสริมคางไม่ได้จำกัดอยู่เฉพาะผู้หญิง แต่สามารถทำได้ทั้งผู้ชายและผู้หญิง ความแตกต่างสำคัญจะอยู่ที่ รูปทรงและสัดส่วนของใบหน้า ที่ออกแบบให้เหมาะกับความเป็นธรรมชาติและบุคลิกของเพศชาย
- ผู้ชายมักต้องการคางที่ ชัดและคม เพื่อเพิ่มความ masculinity ให้ใบหน้าดูแข็งแรง
- ส่วนผู้หญิงจะนิยมคางที่ เรียวยาวและละมุน เพื่อให้ใบหน้าดูหวาน
ดังนั้น การออกแบบการทำคางสำหรับผู้ชายจึงต้องอาศัยความเชี่ยวชาญของศัลยแพทย์ที่เข้าใจโครงสร้างกระดูกและความแตกต่างด้านสรีระ
เหตุผลที่ผู้ชายเลือกทำคาง
แก้ปัญหาคางสั้นหรือคางหด
ทำให้โครงหน้าดูไม่สมดุล มักถูกมองว่าหน้ากลม ไม่คมชัด
เพิ่มมิติให้ใบหน้า
เสริมคางผู้ชายช่วยให้หน้าดูมีเสน่ห์มากขึ้น เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องใช้บุคลิกภาพในการทำงาน
เสริมความมั่นใจ
หลายคนรู้สึกขาดความมั่นใจเมื่อต้องถ่ายรูปหรือออกงานสังคม การทำคางช่วยแก้ปัญหานี้ได้
ปรับบุคลิกภาพให้ดูภูมิฐาน
คางที่ชัดช่วยเสริมภาพลักษณ์ให้ดูน่าเชื่อถือและน่าประทับใจ
เทคนิคการเสริมคางผู้ชาย
การทำคางในปัจจุบันมีหลายวิธี ขึ้นอยู่กับปัญหาและความต้องการของแต่ละคน
1. การเสริมคางด้วยซิลิโคน
เป็นเทคนิคที่ได้รับความนิยมสูง เหมาะสำหรับผู้ที่มีคางสั้นหรือเล็กเกินไป
- ข้อดี : เห็นผลทันที, ใช้เวลาพักฟื้นไม่นาน, มีไซส์และรูปทรงให้เลือกหลายแบบ
- ข้อควรรู้ : ต้องเลือกซิลิโคนที่เข้ากับรูปหน้าและทำโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อป้องกันการเอียงหรือทะลุ
2. การทำคางด้วยการเลื่อนกระดูก (Genioplasty)
เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาโครงสร้างคาง เช่น คางถอยหรือคางเบี้ยว
- ข้อดี : แก้ปัญหาโครงหน้าได้ถาวร, ปรับโครงสร้างได้อย่างเป็นธรรมชาติ
- ข้อควรรู้ : เป็นการผ่าตัดใหญ่ ต้องใช้เวลาพักฟื้นนานกว่าการเสริมซิลิโคน
3. การฉีดฟิลเลอร์คาง
วิธีนี้ไม่ต้องผ่าตัด เหมาะกับผู้ชายที่อยากลองปรับรูปหน้าชั่วคราว
- ข้อดี : ไม่ต้องพักฟื้น, เห็นผลทันที, หากไม่ชอบสามารถสลายออกได้
- ข้อควรรู้ : ผลลัพธ์อยู่ได้ประมาณ 12-18 เดือน และต้องเลือกฟิลเลอร์แท้ที่ได้มาตรฐาน
เสริมคางผู้ชายต่างจากผู้หญิงอย่างไร
- รูปทรง : ผู้ชายเน้นคางเหลี่ยม ชัดเจน ส่วนผู้หญิงเน้นคางเรียว V-shape
- สัดส่วน : ผู้ชายต้องบาลานซ์กับกรามและโหนกแก้มเพื่อให้หน้าคม ไม่หวานเกินไป
- เทคนิคการวางซิลิโคน : ผู้ชายมักใช้ซิลิโคนขนาดใหญ่กว่าเพื่อให้เข้ากับโครงกระดูก
เสริมคางที่ไหนดี
การเลือกสถานพยาบาลเป็นสิ่งสำคัญมากสำหรับผู้ชายที่กำลังตัดสินใจทำคาง
สิ่งที่ควรพิจารณา
- แพทย์มีประสบการณ์เฉพาะด้านศัลยกรรมปรับโครงหน้
- โรงพยาบาลหรือคลินิกมีมาตรฐานความปลอดภัย ได้รับอนุญาตจากกระทรวงสาธารณสุข
- มีเทคโนโลยีและอุปกรณ์ที่ทันสมัย เช่น การวางแผนผ่าตัดด้วย 3D
- รีวิวจากผู้ใช้จริงที่น่าเชื่อถือ
- มีการติดตามดูแลหลังทำอย่างใกล้ชิด
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการทำคางผู้ชาย
โดยทั่วไปใช้ยาชาหรือยาสลบ จึงไม่รู้สึกเจ็บระหว่างทำ หลังผ่าตัดอาจมีอาการบวมเล็กน้อยซึ่งจะหายภายใน 1-2 สัปดาห์
- เสริมซิลิโคน : ใช้เวลาพักฟื้นประมาณ 5-7 วัน
- เลื่อนกระดูก : ใช้เวลาพักฟื้นประมาณ 2-4 สัปดาห์
- ฟิลเลอร์คาง : ไม่ต้องพักฟื้น สามารถใช้ชีวิตได้ทันที
ควรเลือกโรงพยาบาลที่มีทีมแพทย์เฉพาะทางและระบบดูแลหลังการผ่าตัดที่ครบวงจร
บทสรุป
เสริมคางผู้ชาย ไม่เพียงแต่ช่วยปรับรูปหน้าให้สมส่วนและคมชัดขึ้น แต่ยังช่วยเสริมความมั่นใจและบุคลิกภาพให้ดูดีขึ้นด้วย การเลือกว่าจะ ทำคาง ด้วยวิธีใดขึ้นอยู่กับปัญหาและความต้องการของแต่ละคน ที่สำคัญที่สุดคือการเลือก เสริมคางที่ไหนดี หรือ ทำคางที่ไหนดี ควรพิจารณาจากความเชี่ยวชาญของแพทย์ ความปลอดภัย และมาตรฐานของสถานพยาบาล เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ทั้งสวยงามและปลอดภัยในระยะยาว





Author: DCH Hospital
Dr.Chen Writer
