เสริมคาง

การ เสริมคาง (Chin Augmentation) ถือเป็นหนึ่งในหัตถการยอดนิยมที่ช่วยปรับสัดส่วนใบหน้าให้ดูเรียวยาว สมดุล และละมุนมากขึ้น โดยเฉพาะในยุคที่เทรนด์ “K-Beauty” เน้นใบหน้าเรียวเป็น V-shape แบบธรรมชาติ การเสริมคางจึงไม่ใช่แค่เพื่อความสวยงามเท่านั้น แต่ยังช่วยแก้ปัญหาเรื่อง “โครงหน้าไม่สมส่วน” ได้อย่างชัดเจน

ทำไมคางจึงสำคัญต่อสัดส่วนใบหน้า

คางเป็นจุดสมดุลสำคัญของใบหน้า ซึ่งสัมพันธ์โดยตรงกับจมูก ปาก และหน้าผาก หากคางสั้นหรือถอยมากเกินไป จะทำให้ใบหน้าดูไม่สมดุล เช่น

  1. หน้าแลดูสั้น กลม หรือไม่มีมิติ
  2. ปากดูยื่น ทั้งที่จริง ๆ แล้วไม่ใช่
  3. ทำให้ดูมีเหนียงหรือคอสั้น

ในทางกายวิภาค คางช่วย “ปิดองค์ประกอบล่างของใบหน้า” ให้สมดุลกับสัดส่วนช่วงบน (หน้าผาก–จมูก–คาง) ซึ่งเรียกว่า Golden Ratio ของใบหน้า ดังนั้นแม้ไม่ได้มีปัญหาคางผิดรูปชัดเจน แต่เพียง “คางสั้นกว่ามาตรฐานเล็กน้อย” ก็อาจทำให้ใบหน้าดูขาดความละมุนได้

รวม 7 ปัญหาที่ควรเสริมคาง

1. คางสั้น

เป็นปัญหาที่พบมากที่สุด ใบหน้าจะดูไม่มีมิติ ทำให้สัดส่วนของจมูกและปากดูเด่นเกินไป การเสริมคางช่วยยืดแนวสัดส่วนให้สมดุลขึ้น และทำให้ใบหน้าดูเรียวยาวตามธรรมชาติ

2. คางถอย (Retruded Chin)

คางล่อนไปด้านหลัง ทำให้มุม横หน้าดูไม่ชัดเจน บางคนอาจดูเหมือนมีเหนียงหรือกรามใหญ่ การเสริมคางช่วย “ดันคางให้พอดีระดับกับริมฝีปาก” ทำให้ใบหน้าเรียบเนียนและได้รูปมากขึ้น

3. คางเบี้ยวไม่เท่ากัน

อาจเกิดจากพันธุกรรม หรือการเจริญเติบโตของกระดูกใบหน้าไม่สมมาตร การเสริมคางสามารถแก้ไขด้วยการออกแบบซิลิโคนเฉพาะบุคคล หรือเสริมร่วมกับการกรอโครงหน้าเพื่อให้ใบหน้าดูสมดุลทั้งสองข้าง

4. คางสั้นร่วมกับกรามใหญ่

ในบางกรณี แม้จะดูเหมือนปัญหากราม แต่แท้จริงแล้วต้นเหตุคือคางสั้น เมื่อเสริมคาง จะช่วยให้ใบหน้าดูเรียวยาวขึ้น และทำให้กรามดูเล็กลงโดยไม่ต้องผ่าตัดกราม

5. คางหุบหรือขาดแนวคางชัดเจน

บางคนมีแนวคางกับคอไม่ต่อเนื่อง ทำให้ดูเหมือนมีเหนียงหรือคอสั้น การเสริมคางช่วยยืดแนวนี้ให้เด่นชัดขึ้น ใบหน้าจะดูมีโครงและคอสวยยาวขึ้น

6. คางไม่รับกับจมูก

ปัญหานี้พบมากในผู้ที่เคย “เสริมจมูก” มาก่อน แต่ไม่ได้ออกแบบคางให้รับกับทรงจมูก ทำให้หน้าดูไม่สมดุล เช่น จมูกโด่งแต่คางหาย การเสริมคางจะช่วยให้มุม横หน้าดูละมุนและสมส่วนมากขึ้น

7. คางกลม ทำให้หน้าดูไม่เรียว

บางคนมีคางกลมหรือสั้น ทำให้หน้าดูอ้วน การเสริมคางจะช่วยปรับให้เรียวลงได้ โดยแพทย์จะออกแบบทรงซิลิโคนให้รับกับรูปหน้า เช่น ทรง V หรือทรง U เพื่อความละมุนตามสไตล์แต่ละคน

เทคนิคการเสริมคางที่นิยมในปัจจุบัน

เสริมคางด้วยซิลิโคน

เป็นวิธีที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในประเทศไทย เพราะผลลัพธ์อยู่ได้นานและออกแบบได้ตามสรีระจริง ซิลิโคนมีหลายชนิด เช่น

  1. ซิลิโคนอเมริกา (Implant Grade) เนื้อแน่น ปลอดภัย
  2. ซิลิโคนเกาหลี (Soft Type) เนื้อนุ่ม ดูเป็นธรรมชาติ

แพทย์จะเลือกชนิดที่เหมาะกับลักษณะใบหน้าและเนื้อคางของคนไข้

เสริมคางแผลในปาก (Intraoral Incision)

เป็นเทคนิคยอดนิยมเพราะ ไม่เห็นรอยแผลภายนอก แผลจะอยู่ภายในช่องปาก เหมาะกับผู้ที่กังวลเรื่องแผลเป็นบนใบหน้า แต่ต้องดูแลความสะอาดเป็นพิเศษหลังผ่าตัด

เสริมคางแผลใต้คาง

เทคนิคนี้แพทย์จะเปิดแผลเล็ก ๆ ใต้คาง มักใช้ในกรณีที่ต้องการความแม่นยำสูงในการจัดตำแหน่งซิลิโคน และแผลหายง่ายเพราะซ่อนอยู่ในรอยพับธรรมชาติของคาง

เสริมคางร่วมกับการปรับโครงหน้า

ในบางเคสที่มีปัญหาโครงหน้าร่วมด้วย เช่น คางถอยจากโครงกระดูก แพทย์อาจแนะนำให้ทำ เลื่อนกระดูกคาง (Genioplasty) เพื่อให้ผลลัพธ์ถาวรและเป็นธรรมชาติที่สุด

ข้อควรรู้ก่อนตัดสินใจเสริมคาง

ควรประเมินกับแพทย์เฉพาะทาง เพื่อดูโครงสร้างใบหน้าและคางอย่างละเอียด

หลีกเลี่ยงการใช้ซิลิโคนราคาถูกหรือไม่ได้มาตรฐาน เพราะอาจเกิดปัญหาซิลิโคนทะลุหรือเคลื่อน

ควรพักฟื้นอย่างน้อย 7–14 วัน และงดอาหารแข็งหรือต้องเคี้ยวแรงในช่วงแรก

เลือกสถานพยาบาลที่ปลอดภัย มีห้องผ่าตัดปลอดเชื้อ และอุปกรณ์ครบถ้วน

ขอภาพจำลองก่อนผ่าตัด (3D Simulation) เพื่อช่วยวางแผนให้เหมาะสมกับโครงหน้า

การดูแลหลังทำคางครั้งแรก

1. ช่วง 3 วันแรก

  • ประคบเย็นเพื่อลดบวม
  • ห้ามก้มหน้าหรือนอนตะแคง
  • รับประทานอาหารอ่อน เช่น โจ๊กหรือน้ำผลไม้

2. ช่วง 4–7 วัน

  • ประคบอุ่นสลับเย็นเพื่อลดอาการตึง
  • ทำความสะอาดช่องปากทุกครั้งหลังรับประทานอาหาร
  • งดออกกำลังกายหนัก และงดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์

3. หลัง 2 สัปดาห์

  • สามารถกลับมาทำกิจวัตรประจำวันได้
  • หลีกเลี่ยงการสัมผัสหรือจับบริเวณคาง
  • เข้าพบแพทย์ตามนัดเพื่อตรวจเช็กตำแหน่งซิลิโคน

เสริมคางช่วยอะไรได้มากกว่าที่คิด

ปรับรูปหน้าให้เรียวขึ้น

เสริมบุคลิกโดยรวมให้ดูดีขึ้น

แก้ปัญหาหน้ากลมหรือดูอ้วน

เพิ่มความมั่นใจเมื่อต้องถ่ายภาพ

ช่วยให้ใบหน้าดูละมุน สมดุลกับจมูก

การ เสริมคาง ไม่ได้เป็นแค่เรื่องของความสวยงาม แต่เป็นการ “ปรับสัดส่วนใบหน้า” ให้สมดุลและดูมีมิติ ซึ่งส่งผลต่อบุคลิกภาพและความมั่นใจในชีวิตประจำวันอย่างมาก หากคุณมีลักษณะคางสั้น ถอย เบี้ยว หรือรู้สึกว่าใบหน้าไม่สมดุล การปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางถือเป็นขั้นตอนสำคัญที่สุด เพื่อวางแผนออกแบบรูปหน้าให้เหมาะกับคุณโดยเฉพาะ

DCH Hospital
Author: DCH Hospital

Dr.Chen Writer

line icon
ปรึกษา DCH ฟรี
Written by

DCH Hospital

Dr.Chen Writer

บทความที่เกี่ยวข้อง