การมีใบหน้าที่ได้สัดส่วน ดูสมดุล ไม่เพียงแต่สร้างความพึงพอใจให้กับตัวเอง แต่ยังสร้างความประทับใจแรกให้กับผู้ที่พบเห็น การ “ปรับโครงหน้า” จึงกลายเป็นหนึ่งในทางเลือกยอดนิยมของคนรุ่นใหม่ที่ต้องการเปลี่ยนแปลงตัวเอง
ปรับโครงหน้าคืออะไร?
“ปรับโครงหน้า” (Facial Contouring) คือการปรับรูปทรงและสัดส่วนของใบหน้าให้ได้รูปตามหลักความงาม ไม่ว่าจะเป็นการลดส่วนที่เกิน เช่น กราม โหนกแก้ม หรือการเติมเต็มส่วนที่ขาดอย่างคาง ร่องแก้ม ขมับ เพื่อให้ใบหน้าดูสมดุลขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ การปรับโครงหน้าไม่ใช่แค่เรื่องของการ “เล็กลง” แต่คือการสร้างความพอดีของทุกองค์ประกอบบนใบหน้า เพื่อให้เกิดความสวยงามแบบยั่งยืน ดูดีในทุกมุมมอง ทรงรับกับแว่นและหน้าชัดทุกมุม
ประเภทของการปรับโครงหน้า
การปรับโครงหน้าแบบศัลยกรรม
การปรับโครงหน้าด้วยการศัลยกรรมเหมาะกับผู้ที่มีปัญหาโครงสร้างใบหน้าชัดเจน เช่น กรามใหญ่ โหนกแก้มสูง คางสั้น หรือเบี้ยว ซึ่งอาจต้องแก้ไขที่กระดูกโดยตรง ได้แก่:
- ตัดกราม : ลดขนาดกรามที่ใหญ่หรือยื่นออกด้านข้าง
- ตัดโหนกแก้ม : ลดความสูงของโหนกแก้มเพื่อให้หน้าดูละมุน
- เสริมคางซิลิโคน หรือเลื่อนกระดูกคาง : ช่วยให้ใบหน้าดูเรียวยาว
- เลื่อนขากรรไกร : สำหรับผู้ที่มีปัญหาคางยื่นหรือสบฟันผิดปกติ
การปรับโครงหน้าแบบไม่ผ่าตัด
สำหรับผู้ที่ยังไม่พร้อมผ่าตัด หรือมีปัญหาเล็กน้อย สามารถเลือกวิธีที่ไม่ต้องลงมีด ได้แก่:
- โบท็อกซ์ลดกราม : ยับยั้งกล้ามเนื้อให้ยุบตัว หน้าเรียวขึ้น
- ฟิลเลอร์เติมเต็ม : ปรับขมับตอบ ร่องแก้ม คางให้ดูอิ่มฟู
- HIFU / Ulthera / Morpheus8 : ยกกระชับผิว ลดหย่อนคล้อย
ดูดไขมันกรอบหน้า / แก้ม / เหนียง : ลดส่วนเกินให้รูปหน้าเด่นชัด
ใครบ้างที่เหมาะกับการปรับโครงหน้า?
- ผู้ที่มีปัญหาโครงหน้าไม่สมดุล เช่น หน้ากว้างเกินไป คางสั้น โหนกแก้มเด่น หน้าขาดมิติ ซึ่งส่งผลต่อความมั่นใจและบุคลิกภาพโดยรวม
- ผู้ที่เคยศัลยกรรมมาก่อนและยังไม่พอใจผลลัพธ์ อาจต้องการปรับแก้รูปหน้าให้กลมกลืนมากขึ้น หรือปรับเปลี่ยนบางจุดให้เหมาะกับโครงหน้าโดยรวม
- ผู้ที่มีปัญหาจากโครงสร้างกระดูกหรือการสบฟัน เช่น ขากรรไกรเบี้ยว คางยื่น หรือโครงหน้าเอียง ซึ่งอาจส่งผลถึงการพูด การเคี้ยวอาหาร หรือการใช้ชีวิตประจำวัน
- ผู้ที่มีปัญหาไขมันส่วนเกินหรือความหย่อนคล้อย เช่น แก้มใหญ่ เหนียง กรอบหน้าไม่ชัด ต้องการให้ใบหน้าดูคมชัดขึ้นโดยไม่ต้องผ่าตัดใหญ่
คำถามที่พบบ่อย (FAQ)
A : หากเป็นการฉีดโบท็อกซ์หรือฟิลเลอร์ จะเจ็บเพียงเล็กน้อยแบบทนได้ หากเป็นศัลยกรรม จะมีการให้ยาชาหรือดมยาสลบเพื่อไม่ให้รู้สึกเจ็บขณะผ่าตัด
A : หัตถการไม่ผ่าตัดสามารถใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติ ส่วนศัลยกรรมจะใช้เวลาพักฟื้น 5-14 วัน ขึ้นอยู่กับแต่ละเคส
A : ขึ้นอยู่กับปัญหาเฉพาะบุคคล บางรายปรับแค่ 1 จุด เช่น คาง หรือโหนกแก้ม ก็เปลี่ยนลุคได้ชัดเจน

Author: Marketing Dr.Chen
