การมี “ตา 2 ชั้น” ที่คมชัด ดูสดใส กลายเป็นความฝันของใครหลายคน โดยเฉพาะคนที่ต้องใช้เทปหรือสติ๊กเกอร์ติดตาสองชั้นเป็นประจำทุกวัน แต่คุณเคยรู้สึกไหมว่า…เหนื่อยกับการต้องแต่งตาทุกเช้า? เทปหลุดระหว่างวัน? หรือยิ่งติดยิ่งทำให้หนังตาหย่อนลง? ถึงเวลาแล้วค่ะ ที่คุณจะบอกลาเทปติดตา แล้วมาทำตาสองชั้นแบบถาวร เพราะการ ทำตา 2 ชั้น สมัยนี้ ไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิด! เทคโนโลยีและเทคนิคการศัลยกรรมตาพัฒนาไปมาก จนสามารถปรับชั้นตาให้สวยพอดี เข้ากับใบหน้า และดูเป็นธรรมชาติแบบไม่โป๊ะ ไม่หลอกตา บทความนี้จะพาคุณไปรู้จักกับทุกเรื่องที่ควรรู้เกี่ยวกับการ กรีดตาสองชั้น ตั้งแต่เทคนิคที่ใช้ ผลลัพธ์ที่ได้ ไปจนถึงการดูแลหลังทำ พร้อมตอบคำถามยอดฮิตของคนที่กำลังลังเลอยู่
ทำไมต้องทำตาสองชั้น? ปัญหาที่เทปแก้ไม่ได้
หลายคนอาจเคยติดเทปตาสองชั้นเพราะอยากให้ตาดูโตขึ้น มีมิติมากขึ้น ซึ่งจริงๆ แล้วก็ช่วยได้ในระดับหนึ่ง แต่สิ่งที่ตามมาคือ…
เทปหลุดระหว่างวัน
- หนังตาอักเสบหรือแพ้กาว
- ชั้นตาหลอก ไม่เป็นธรรมชาติ
- ชั้นตาไม่เท่ากัน
- ติดบ่อย ๆ หนังตาหย่อนเร็วขึ้น
ในระยะยาว การใช้เทปหรือสติ๊กเกอร์ติดตาทุกวัน อาจส่งผลต่อความยืดหยุ่นของหนังตาได้จริง และบางคนอาจพบว่าเมื่ออายุมากขึ้น ชั้นตายิ่งดูหลบในหรือไม่มีชั้นตาเลย
ศัลยกรรมตา จึงเป็นทางเลือกที่ “จบครั้งเดียว” และให้ผลลัพธ์ที่สวยงามระยะยาว โดยเฉพาะในคนที่…
มีตาชั้นเดียว หรือชั้นตาหลบใน
- แต่งหน้ายาก อยากให้ตาคมขึ้น
- ชั้นตาไม่เท่ากัน
- หนังตาหย่อนเล็กน้อยจนบดบังตา
- อยากลดการใช้เทปติดตาทุกวัน
เทคนิคทำตา 2 ชั้นในปัจจุบัน มีแบบไหนบ้าง
ปัจจุบันการ ทำตา 2 ชั้น แบ่งออกเป็น 3 เทคนิคหลัก ๆ ที่คุณหมอจะเลือกใช้ตามลักษณะตาและความต้องการของแต่ละคน
1. กรีดตาสองชั้นแบบธรรมดา (Open Technique)
เหมาะกับ : คนที่มีไขมันและหนังตาเยอะ ต้องการปรับรูปตาชัดเจน
เป็นเทคนิคที่นิยมมากที่สุด เพราะสามารถแก้ปัญหาหลายอย่างได้พร้อมกัน เช่น หนังตาตก ชั้นตาไม่ชัด หรือเบ้าตาลึก คุณหมอจะเปิดแผลเป็นแนวยาว แล้วตกแต่งไขมันและผิวหนังส่วนเกินออกไป ก่อนจะสร้างชั้นตาใหม่ที่ชัดและได้รูป
ข้อดี
ปรับรูปตาได้ชัดเจน
อยู่ได้นานมากกว่า 10 ปี
เห็นผลชัดเจนในครั้งเดียว
ข้อควรรู้
- มีรอยแผลเล็ก ๆ บนเปลือกตา ต้องพักฟื้นเล็กน้อย
- ช่วงแรกอาจมีอาการบวมช้ำ แต่หายได้ใน 7–14 วัน
2. กรีดตาสั้น (Mini Incision)
เหมาะกับ : คนที่หนังตาไม่เยอะ ไม่มีไขมันส่วนเกิน
เป็นเทคนิคแบบ “กึ่งธรรมชาติ” โดยกรีดแผลขนาดเล็กแล้วเย็บสร้างชั้นตาใหม่ ไม่ต้องตัดหนังตาเยอะ ผลลัพธ์ออกมาดูละมุนและฟื้นตัวเร็ว
ข้อดี
ดูธรรมชาติ
แผลเล็ก ฟื้นตัวไว
เหมาะกับวัยรุ่นหรือคนที่ไม่อยากพักฟื้นนาน
ข้อควรรู้
- ชั้นตาอาจหลุดได้ หากใช้เทคนิคไม่เหมาะกับสภาพตา
3. เย็บชั้นตา (Non-Incision / Suture Technique)
เหมาะกับ : คนที่มีชั้นตาอยู่แล้วแต่ไม่ชัด ต้องการให้ตาคมขึ้น
วิธีนี้ไม่ต้องกรีดผิวหนัง เพียงเย็บด้วยไหมเพื่อสร้างชั้นตาใหม่ เป็นวิธีที่ไม่เจ็บ ฟื้นตัวเร็ว แต่ผลลัพธ์อาจไม่ถาวรเท่าการกรีด
ข้อดี
ไม่ต้องผ่าตัด
ใช้เวลาทำน้อย พักฟื้นไว
เหมาะกับคนที่ยังไม่เคยศัลยกรรมตามาก่อน
ข้อควรรู้
- ควรรู้
ชั้นตาอาจหลุดเมื่อเวลาผ่านไป - ไม่เหมาะกับคนที่มีหนังตาเยอะหรือไขมันตาเยอะ
ทำตาสองชั้นเจ็บไหม? ฟื้นตัวยังไง
คำถามที่หลายคนกลัวที่สุดคือ “ทำตาเจ็บไหม?” ขอตอบแบบตรงไปตรงมาว่า… ระหว่างทำไม่เจ็บค่ะ เพราะใช้ยาชาเฉพาะจุด คุณหมอจะพูดคุยและให้คำปรึกษาก่อนลงมือผ่าตัดเสมอ ระหว่างทำก็จะมีการสื่อสารกับคนไข้ตลอดเพื่อให้รู้สึกสบายใจที่สุด
หลังทำอาจมีอาการบวมเล็กน้อย ช้ำบ้างในบางคน แต่สามารถใช้วิธีธรรมชาติเพื่อช่วยลดอาการเหล่านี้ได้ เช่น
- ประคบเย็นในช่วง 2 วันแรก
- ประคบอุ่นหลังวันที่ 3 เป็นต้นไป
- พักผ่อนให้เพียงพอ
- หลีกเลี่ยงการแต่งหน้าช่วง 7 วันแรก
- งดอาหารแสลง เช่น ของหมักดอง อาหารเผ็ดจัด
แผลโดยทั่วไปจะหายดีใน 7-14 วัน และสามารถแต่งหน้าได้ตามปกติหลังแผลแห้ง
การ ทำตาสองชั้น ไม่ใช่เรื่องน่ากลัวอย่างที่หลายคนคิด และไม่จำเป็นต้องง้อเทปหรือสติ๊กเกอร์อีกต่อไป เพราะการกรีดตาสองชั้นในปัจจุบันสามารถออกแบบชั้นตาให้พอดี สวยเป็นธรรมชาติ ดูละมุนหรือคมชัดได้ตามสไตล์ที่คุณต้องการ หากคุณเบื่อกับการแต่งตาทุกวัน หรืออยากมีดวงตาที่สดใสขึ้นในทุกมุมมอง การทำตา 2 ชั้น คือการลงทุนที่คุ้มค่าและเห็นผลชัดเจนในระยะยาวค่ะ

Author: DCH Hospital
Dr.Chen Writer
