เมื่ออายุเพิ่มขึ้น… สิ่งที่หลายคนหลีกเลี่ยงไม่ได้คือ “ริ้วรอย ความหย่อนคล้อย และความเปลี่ยนแปลงของผิวหน้า” บางคนรู้สึกไม่มั่นใจแม้จะดูแลตัวเองอย่างดี แต่ก็ยังเห็นความเปลี่ยนแปลงที่เด่นชัดในกระจกทุกเช้า หากคุณกำลังสงสัยว่า “เราจำเป็นต้องทำ ศัลยกรรมดึงหน้า แล้วหรือยัง?” บทความนี้มีคำตอบให้ค่ะ ลองเช็ก 5 สัญญาณสำคัญที่บอกว่าคุณอาจถึงเวลาต้อง ผ่าตัดดึงหน้า เพื่อคืนความสดใสและความมั่นใจให้กลับมาอีกครั้ง
ดึงหน้าคืออะไร

การดึงหน้า (Facelift) หรือชื่อทางการแพทย์คือ Rhytidectomy คือการ ศัลยกรรมดึงหน้า เพื่อแก้ไขผิวหนังที่หย่อนคล้อยและริ้วรอยลึก โดยการยกกระชับผิวหนัง กล้ามเนื้อ และชั้นไขมันใต้ผิวหน้าที่เริ่มคล้อยลงจากแรงโน้มถ่วงและการเสื่อมสภาพของอายุ ไม่ใช่แค่ผิวตึง แต่ ดึงหน้าที่ดีต้องคืนโครงหน้าให้ดูสมส่วนและเป็นธรรมชาติ ซึ่งแตกต่างจากการฉีดโบท็อกซ์หรือฟิลเลอร์ที่แก้ไขชั่วคราวเท่านั้น
สัญญาณที่ 1 : แก้มหย่อนคล้อยเห็นชัด ร่องแก้มลึกขึ้นเรื่อยๆ
หนึ่งในสัญญาณแรกที่หลายคนสังเกตได้คือ โครงหน้าเปลี่ยน ร่องแก้มลึก ผิวแก้มห้อยลง แม้จะลองยกหน้าด้วยมือยังเห็นชัดว่า “แค่ดึงขึ้นก็สวยแล้ว” แต่ไม่สามารถอยู่ได้ทั้งวัน นี่คือสัญญาณที่บ่งบอกว่า โครงสร้างภายในชั้น SMAS (กล้ามเนื้อใต้ผิวหน้า) เริ่มหย่อนคล้อยแล้ว ซึ่งการดูแลด้วยครีม หรือหัตถการชั่วคราวอาจไม่เพียงพอ การ ผ่าตัดดึงหน้าแบบยกชั้นลึก จะสามารถแก้ไขได้อย่างตรงจุด และคงผลลัพธ์ได้นานหลายปี
สัญญาณที่ 2 : กรอบหน้าไม่ชัด คางสองชั้นเริ่มมา
เมื่ออายุเพิ่มขึ้น เส้นกรอบหน้า (jawline) ที่เคยคมชัดจะค่อยๆ หายไป ถูกแทนที่ด้วยไขมันหรือผิวหย่อนบริเวณกราม และ เหนียงใต้คาง หลายคนคิดว่าแค่ดูดไขมันคางก็พอ แต่ในความเป็นจริง หากเกิดจากความหย่อนของผิวและกล้ามเนื้อ การดึงหน้าจะช่วย ยกกระชับแนวกรอบหน้าให้ชัดอีกครั้ง พร้อมลดคางสองชั้นไปในตัว Facelift จึงเป็นทางเลือกที่มีประสิทธิภาพมากกว่าสำหรับปัญหานี้ในระยะยาว
สัญญาณที่ 3 : ใบหน้าดูเหนื่อยล้า หงอยเศร้าทั้งที่อารมณ์ดี
หลายคนบ่นว่า “ทำไมคนทักว่าหน้าเราเศร้า ทั้งที่เรารู้สึกโอเค?” สาเหตุคือใบหน้าที่เริ่มหย่อนลงจะทำให้ หางตาตก มุมปากคว่ำ ร่องแก้มชัด ส่งผลให้หน้าดูเหนื่อย ดูเศร้าโดยไม่รู้ตัว แม้จะแต่งหน้าก็ปกปิดได้เพียงชั่วคราว แต่หากต้องการผลลัพธ์ที่เห็นชัดและยาวนาน การ ผ่าตัดดึงหน้า จะสามารถ ยกตำแหน่งของกล้ามเนื้อใบหน้าให้กลับไปอยู่ในจุดเดิม ทำให้หน้าดูสดใสขึ้นโดยไม่ต้องเปลี่ยนอารมณ์
สัญญาณที่ 4 : เคยลองทุกวิธีแล้ว แต่ผลลัพธ์ไม่ยาวนาน
HIFU, Ulthera, ร้อยไหม, ฉีดฟิลเลอร์ — เชื่อว่าหลายคนเคยลองสิ่งเหล่านี้แล้ว แต่พอเวลาผ่านไปไม่นานก็กลับมาเหมือนเดิม เพราะหัตถการเหล่านี้ให้ผลเฉพาะกับผิวชั้นตื้น และเหมาะกับช่วงอายุ 30-40 ปีต้นๆ แต่หากคุณอยู่ในช่วงวัย 40+ และเริ่มมีความหย่อนคล้อยลึก การเลือก ศัลยกรรมดึงหน้าแบบ SMAS Lift จะตอบโจทย์มากกว่า เพราะเป็นการแก้ถึงต้นตอของปัญหา และให้ผลที่ ดูเป็นธรรมชาติแบบไม่แข็งตึง
สัญญาณที่ 5 : อายุไม่ใช่แค่ตัวเลข เพราะใบหน้าบอกหมด
แม้จะฟิตแอนด์เฟิร์ม สุขภาพดีแค่ไหน แต่ถ้าใบหน้าเริ่มหย่อนคล้อยจนดูแก่กว่าวัย ก็อาจกระทบความมั่นใจได้ หลายคนอาจยังไม่พร้อมบอกใครว่า “ฉันอยากดึงหน้า” แต่ในใจรู้สึกว่า “เราอยากให้ตัวเองดูสดใสแบบเมื่อก่อนอีกครั้ง” นี่แหละคือสัญญาณสำคัญว่า ถึงเวลาแล้วที่คุณควรดึงหน้า (Facelift) เพื่อให้ภายนอกสะท้อนความอ่อนเยาว์ของภายในอย่างแท้จริง
ดึงหน้าแบบไหนปลอดภัยและเหมาะกับคุณ
ปัจจุบันมีเทคนิคการดึงหน้าหลากหลาย เช่น
- SMAS Facelift : ดึงทั้งชั้นผิวและชั้นกล้ามเนื้อ เหมาะกับผู้ที่มีความหย่อนคล้อยมาก
- Mini Facelift : เหมาะกับผู้ที่มีปัญหาเล็กน้อย อยากผลลัพธ์เบาๆ ไม่ต้องพักฟื้นนาน
- Endoscopic Facelift (ดึงหน้าส่องกล้อง) : แผลเล็ก เจ็บน้อย เหมาะกับคนกลัวรอยแผลเป็น
- Full Facelift : เหมาะกับเคสที่ต้องการยกทั่วใบหน้า ทั้งส่วนกลาง ล่าง และลำคอ
เลือกเทคนิคที่เหมาะสมควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านศัลยกรรมใบหน้าโดยเฉพาะ
และเลือกโรงพยาบาลที่มีมาตรฐาน ความปลอดภัย และทีมดมยาสลบที่มีประสบการณ์
ศัลยกรรมดึงหน้า เทคนิค DCH FACE YOUNG

ศัลยกรรมดึงหน้า Face Young เทคนิคพิเศษเฉพาะ Dr.CHEN Surgery Hospital International Center เริ่มต้นจากคุณหมอเชนได้คิดเทคนิคเฉพาะทางนี้ เป็นการผ่าตัดดึงหน้าที่ทำการยกกระชับผิวหน้า และเนื้อเยื่อทั้งหมดของใบหน้าและลำคอ ยกตั้งแต่ชั้น SMAS เพื่อปรับและแก้ไขสภาพของริ้วรอยเหี่ยวย่น ความหย่อนคล้อย และความไม่เรียบเนียนของผิวหนัง กระบวนการนี้มักจะรวมถึงการตัดเนื้อเยื่อส่วนเกิน การยกกระชับกล้ามเนื้อใบหน้า และการจัดเรียงผิวหนังใหม่ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดูอ่อนวัยและสดใสมากขึ้น DCH FACE-YOUNG จะครอบคลุมหลายส่วนของใบหน้า รวมถึงหน้าผาก, บริเวณรอบดวงตา, แก้ม, และคอ คุณหมอเชน ให้ความสำคัญเรื่องรอยผ่าตัด ไว้เพียงจุดเล็กๆ เย็บแผลสวย บวมช้ำน้อย ใช้เวลาพักฟื้นไม่นาน ลูกค้าสามารถกลับไปใช้ชีวิตได้ตามปกติ จะทำให้ใบหน้าดูกลับมามีอายุน้อย หน้าเด็กลดลง
จุดเด่นของเทคนิค DCH Face Young
เทคนิคนี้เน้นผลลัพธ์ที่ดูเป็นธรรมชาติ ไม่ทำให้ใบหน้าดูแข็งหรือผิดรูป เป็นการผ่าตัดที่ลงลึกถึงชั้น SMAS (Superficial Musculoaponeurotic System) ซึ่งเป็นชั้นเนื้อเยื่อที่สำคัญในการพยุงโครงสร้างของใบหน้า ทำให้ได้ผลลัพธ์ที่ชัดเจนและยาวนาน ทีมแพทย์ DCH จะให้ความสำคัญกับรอยแผลผ่าตัด โดยจะทำการผ่าตัดในจุดที่เล็กและซ่อนรอยแผลได้ดี ผู้ที่เข้ารับการผ่าตัดสามารถพักฟื้นได้ในระยะเวลาอันสั้น และสามารถกลับไปใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติ ที่สำคัญเทคนิคนี้ทำการยกกระชับผิวหน้าและเนื้อเยื่อทั้งหมดของใบหน้าและลำคอ รวมถึงหน้าผาก บริเวณรอบดวงตา แก้ม และคอ
ดึงหน้าที่ไหน ราคาเท่าไหร่
ค่าใช้จ่ายในการดึงหน้านั้นขึ้นอยู่กับตำแหน่งที่ต้องการจะยกกระชับ และตามการประเมินจากทางแพทย์ โดยราคาการดึงหน้าเฉพาะจุดที่ DCH เริ่มต้นที่ 120,000 บาท ซึ่งราคานี้ถือว่าคุ้มค่า เพราะดูแลโดยทีมแพทย์เฉพาะทาง ด้วยเทคนิค “DCH FACE YOUNG” เทคนิคดึงหน้าแบบเฉพาะของเรา ที่ช่วยให้คุณกลับมาตึงกระชับ ดูสดใส ดูเด็กลง 10 ปี
- ผ่าตัดโดยแพทย์ผู้ชำนาญการเฉพาะทางด้านศัลยกรรม
- เป็นเทคนิคพิเศษ ดึงยกไปถึงชั้น SMAS ทำให้มุมปากยิ้มขึ้น
- แผลเล็ก พักฟื้นไม่นาน ด้วยเทคนิคเฉพาะ ยกกระชับระดับชั้น SMAS
- ห้องผ่าตัดมาตรฐานโรงพยาบาลอุปกรณ์ครบครันและทันสมัยทุกเคส
ศัลยกรรมดึงหน้า ไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิด
ในยุคปัจจุบัน การ ศัลยกรรมดึงหน้า ไม่ได้มีแค่ภาพจำเก่าๆ ที่หน้าตึง แข็ง หรือแผลใหญ่ แต่ด้วยเทคนิคใหม่ๆ เช่น การผ่าตัดแบบส่องกล้อง หรือ การเย็บซ่อนแผลตามแนวไรผม ทำให้แผลเล็กลง เจ็บน้อย และฟื้นตัวไวกว่าเดิมมาก ที่สำคัญคือ ผลลัพธ์สามารถอยู่ได้นานถึง 7-10 ปี หากดูแลตัวเองดี และไม่จำเป็นต้องกลับมาทำซ้ำบ่อยๆ เหมือนหัตถการทั่วไป

Author: DCH Hospital
Dr.Chen Writer
