หมอเชื่อว่าในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา มีหลายๆคนคงเคยได้ยิน ชื่อ ผลิตภัณฑ์ เกี่ยวกับ biostimulator หรือสารกระตุ้นคอลลาเจน ว่าจะเข้ามาแทนที่ filler ได้ไหม หรือมีผลดี และต่างกับ filler อย่างไร บทความนี้หมอจะช่วยไขข้อสงสัยให้ทุกคนทราบไปพร้อมกันครับ
ก่อนอื่นเลยหลายคนที่อ่านบทความนี้คงเคยมีประสบการณ์เกี่ยวกับ filler หรือสารเติมเต็ม ไม่เคยฉีด ก็ต้องเคยได้ยินมาบ้าง ว่า filler นั้นช่วยให้รูปหน้าเราสวขึ้น ดูเด็กลง ก่อนอื่นหมอต้องขออธิบายก่อนว่า Filler คืออะไร ? เพื่อความเข้าใจถูกต้องนะครับ
Filler หรือสารเติมเต็ม เป็นสารจำพวก Hyaluronic acid (เรียกย่อๆๆกันว่า HA) ผ่านกระบวนการเชื่อม พันธะคุณสมบัติคือใช้ฉีดเข้าสู่ผิว เพื่อไปเติมเต็ม volume ในชั้นผิวบริเวณต่างๆของใบหน้า และผิวบน ร่างกาย ซึ่งสามารถฉีดได้ตั้งแต่ผิวชั้นลึกชิดกระดูก (periostial layer) ชั้นไขมัน (subcutaneous layer ) และยังมีfiller งานผิวที่ออกแบบมา สามารถฉีดผิวชั้นบนได้ (deep dermis)
โดย filler จะมีความแข็งหลายระดับด้วยกันตามโครงสร้าง ตั้งแต่เนื้อแข็ง จนถึงเนื้อละเอียด ก็จะมีจุดประสงค์ในการใช้ที่แตกต่างกันในแต่ละจุด
ผลลัพธ์ คือ สามารถเติมเต็มแล้วเห็นผลลัพธ์ได้ทันที ไม่ต้องรอระยะเวลาตัวยาออกฤทธิ์ แก้ร่องลึกบนใบหน้าได้ เช่น ขมับตอบ หน้าแก้ม แก้มตอบ ร่องแก้มลึก ปาก และผลลัพธ์อยู่นาน 6-18 เดือนขึ้นอยู่กับยี่ห้อ แต่ก็ยังมีอีกหลายคุรสมบัติที่ทำได้ไม่เท่า collagen biostimulator
Biostimulator คือ สารกระตุ้น ให้เกิดการสร้างcollagen ของผิวที่ฉีดเข้าไป ตามกระบวนการธรรมชาติ ซึ่งองค์ประกอบใน biostimulator แต่ละยี่ห้อก็จะมีสารกระตุ้นแตกต่างกันไป เช่น PCL, PDO microsphere, PLLA, PDLA, PLA, Calcium Hydroxyapatite (CaHA) ส่วนชื่อผลิตภัณฑ์ ก็อย่างเช่น Sculptra, Radiesse, Ultracol, Juvelook, Lenisna, Gouri, Aesthefill
ที่กล่าวมาทุกตัวต้องฉีดบนชั้นผิวหนังแท้ Dermis เมื่อฉีดเข้าไปใต้ผิวแล้ว ตัวยาจะกระตุ้นให้เกิดเซลล์ ไฟโบรบลาสต์ของผิว เพื่อผลิต collagen type I, III บนชั้นผิวหนังแท้ให้แน่นและฟูมากขึ้นจากบริมาณ collagen ที่มากขึ้นนั้นเอง
แต่ผลของตัวยาจะต้องรอระยะเวลาหลังทำประมาณ 1-2 สัปดาห์ และจะดีขึ้นเรื่อย ๆ หลังจากทำหัตถการไปประมาณ 6 เดือน ไม่เหมือนกับ filler ที่เห็นผลลัพธ์ทันที
ผลลัพธ์คือ ผิวชั้นบนจะอิ่มฟู มี lifting effect บ้างในบางจุด และได้ผิวที่กระชับ รูขุมขนและความสว่างของผิวจะดีข้น และอีกทั้งยังทำให้ผิวมีความสมมดุลมากขึ้นด้วย ข้อดีคือสามารถ ใช้ร่วมกับการรักษา หลุมสิว และผิวหน้าที่มีริ้วรอย ร่องตื้นๆได้ดี อีกทั้งบางตัวยังสามารถ เติมเต็มใต้ตาได้ด้วย เมื่อเทียบกับ filler แล้วปัญหารการพบการคลำได้เป็นก้อน จะน้อยลงมากกว่า filler ผลลัพธ์อยู่นานมากกว่า 24 เดือน
สำหรับหมออยากจะบอกกับทุกคนว่า ผู้ที่กำลังสงสัยหรืออยากรู้เรื่องของโปรแกรมฉีดฟิลเลอร์ (Filler) โปรแกรมไบโอสติมูเลเตอร์ (biostimulator) มีข้อดีที่แตกต่าง ขึ้นอยู่ที่ความต้องการหรือปัญหาผิวของคนไข้นั้นเองครับ แต่สามารถฉีดทั้ง 2 โปรแกรมร่วมกันได้ในการฟื้นฟูผิวและเติมเต็ม ทั้งนี้ผลลัพธ์ที่ได้จะขึ้นอยู่กับประสบการณ์ความชำนาญของศัลยแพทย์ และ โรงพยาบาลที่ได้มาตรฐาน ที่ Dr.CHEN Surgery Hospital International Center หากคุณกำลังมองหาต้องการปรึกษาเรื่องการฉีดฟิลเลอร์ หรือฉีดไบโอสติมูเลเตอร์ที่ตอบโจทย์ทั้งความสวยงามและปลอดภัย ปรึกษาผม หมอต้นหลิว ทีมแพทย์ Dr.CHEN Surgery Hospital เราให้ความสำคัญกับคุณภาพ และความปลอดภัยคนไข้
เขียนโดย นายแพทย์นรเศรษฐ์ ภิรมณ์ ( หมอต้นหลิว)
เลข ว. การประกอบวิชาชีพเวชกรรม 73033
ทีมแพทย์ DCH