นโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
สำหรับลูกค้าผู้ใช้บริการ
ประกาศใช้วันที่ 19 ธันวาคม พ.ศ. 2566
บริษัท ด็อกเตอร์ เชน เซอร์เจอรี่ ฮอสพิทอล จำกัด
เลขที่ 216 ถนนรามคำแหง แขวงราษฎร์พัฒนา เขตสะพานสูง กรุงเทพมหานคร
โทรศัพท์ 02-103-1723 อีเมล Operation@drchenhospital.com
สารบัญ
- ข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทเก็บรวบรวม.
- วัตถุประสงค์ของการเก็บรวบรวมและใช้ข้อมูลส่วนบุคคล.
2.1. วัตถุประสงค์ที่บริษัทสามารถดำเนินการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้าได้โดยอาศัยหลักเกณฑ์หรือฐานทางกฎหมาย โดยไม่จำเป็นต้องได้รับความยินยอมจากลูกค้า.
2.2. วัตถุประสงค์ที่บริษัทจำเป็นต้องได้รับความยินยอมจากลูกค้าก่อนการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล
2.3. วัตถุประสงค์การใช้ข้อมูลที่ละเอียดอ่อน.
- บุคคลภายนอกที่บริษัทอาจเปิดเผยหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้า.
3.1. กลุ่มบริษัท.
3.2. ผู้ให้บริการของบริษัท.
3.3. พันธมิตรทางธุรกิจของบริษัท.
3.4. บุคคลภายนอกตามที่กฎหมายอนุญาต.
3.5. ที่ปรึกษาวิชาชีพ.
3.6. บุคคลภายนอกที่เกี่ยวข้องกับการโอนธุรกิจ.
- ข้อกำหนดเกี่ยวกับการโอนข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้าไปยังผู้รับในต่างประเทศ.
- การเชื่อมโยงไปยังเว็บไซต์บุคคลที่สาม.
- การเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้า.
- ข้อมูลส่วนบุคคลของผู้เยาว์ คนเสมือนไร้ความสามารถ และคนไร้ความสามารถ.
- ข้อมูลที่สำคัญอื่น ๆ เกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้า.
8.1. คุกกี้และวิธีการใช้คุกกี้.
8.2. ข้อมูลส่วนบุคคลที่เกี่ยวกับบุคคลภายนอก.
- สิทธิในข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้า.
- การเปลี่ยนแปลงนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลฉบับนี้.
- รายละเอียดการติดต่อบริษัท.
นโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
สำหรับลูกค้าผู้ใช้บริการ
บริษัท ด็อกเตอร์ เชน เซอร์เจอรี่ ฮอสพิทอล จำกัด (“บริษัท“) เล็งเห็นถึงความสำคัญของการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลและความเป็นส่วนตัวของลูกค้า ผู้ติดต่อฉุกเฉิน และบุคคลอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง (“เจ้าของข้อมูล”) จึงได้จัดทำนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลฉบับนี้ (“นโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล”) เพื่อกำหนดหลักเกณฑ์อันเป็นรูปธรรมในการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูล และเพื่อให้การปฏิบัติต่อข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้าเป็นไปตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ.2562 (และที่อาจมีการแก้ไขเพิ่มเติมในอนาคต)
นโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลฉบับนี้จะมีผลใช้บังคับกับข้อมูลส่วนบุคคล (ตามที่นิยามไว้ในข้อ 1 ข้างล่างนี้) ของลูกค้าบุคคลธรรมดาของบริษัท หรือพนักงาน บุคลากร เจ้าหน้าที่ ผู้แทน ผู้ถือหุ้น บุคคลผู้มีอำนาจ กรรมการ ผู้ติดต่อ ตัวแทน และบุคคลธรรมดาอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับลูกค้านิติบุคคลของบริษัท ทั้งที่เป็นลูกค้าเป้าหมาย (ผู้ที่อาจเป็นลูกค้าในอนาคต) ลูกค้าปัจจุบัน และลูกค้าในอดีต โดยนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลฉบับนี้จะอธิบายถึงวิธีการที่บริษัทเก็บรวบรวม ใช้ เปิดเผย และ/หรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้าให้แก่บุคคลภายนอกหรือโอนให้แก่ผู้รับในต่างประเทศ
ทั้งนี้ คำว่า “ลูกค้า” ในนโยบายฉบับนี้ ให้หมายความรวมถึงผู้เป็นสมาชิกที่สมัครใช้บริการทางการแพทย์ของบริษัทโดยตรง และ/หรือบุคคลที่ได้รับอนุญาตจากสมาชิกให้ใช้บริการทางการแพทย์ของบริษัทภายใต้บัญชีของคู่สัญญารายดังกล่าว
“ข้อมูลส่วนบุคคล” หมายถึง ข้อมูลเกี่ยวกับลูกค้าซึ่งระบุถึงตัวลูกค้าหรือทำให้สามารถระบุตัวลูกค้าได้ ตามที่ระบุไว้ข้างล่างนี้ ซึ่งเป็นข้อมูลที่สำคัญและมีความจำเป็นต่อบริษัทเพื่อที่จะให้บริการแก่ลูกค้า โดยบริษัทอาจเก็บรวบรวมข้อมูลของลูกค้าด้วยวิธีการต่าง ๆ เช่น เก็บรวบรวมจากลูกค้าโดยตรง หรือจากแหล่งอื่น ๆ โดยอ้อม (เช่น สื่อสังคม แพลตฟอร์มออนไลน์ของบุคคลภายนอก หรือแหล่งข้อมูลสาธารณะอื่น ๆ) และผ่านบริษัทในเครือ ผู้ให้บริการ พันธมิตรทางธุรกิจ หน่วยงานราชการทางการ หรือบุคคลภายนอกอื่น ๆ ซึ่งประเภทของข้อมูลที่บริษัทมีความจำเป็นต้องเก็บรวบรวมนี้จะขึ้นอยู่กับความสัมพันธ์ของลูกค้ากับบริษัท และบริการหรือผลิตภัณฑ์ที่ลูกค้าต้องการจากบริษัท
ข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้าซึ่งบริษัทจะเก็บรวมรวม ใช้ เปิดเผย และ/หรือโอนให้แก่บุคคลภายนอกหรือโอนให้แก่ผู้รับในต่างประเทศ รวมถึงแต่ไม่จำกัดเพียงข้อมูลส่วนบุคคลประเภทดังต่อไปนี้
- ข้อมูลส่วนตัว เช่น คำนำหน้าชื่อ ชื่อ เพศ อายุ ส่วนสูง น้ำหนัก อาชีพ ตำแหน่งงาน รายได้ สถานที่ทำงาน ตำแหน่ง การศึกษา สัญชาติ วันเกิด สถานภาพทางการสมรส ข้อมูลบนเอกสารที่ออกโดยหน่วยราชการ (เช่น บัตรประจำตัวประชาชน ทะเบียนบ้าน หนังสือเดินทาง ใบอนุญาตขับขี่รถยนต์ เป็นต้น) ลายมือชื่อ การบันทึกเสียง การบันทึกการสนทนาทางโทรศัพท์ รูปถ่าย การบันทึกภาพและวิดีโอจากกล้องวงจรปิด และข้อมูลประจำตัวอื่น ๆ
- ข้อมูลเพื่อการติดต่อ เช่น ที่อยู่ หมายเลขโทรศัพท์ หมายเลขโทรศัพท์เคลื่อนที่ หมายเลขโทรสาร ที่อยู่จดหมายอิเล็กทรอนิกส์ (อีเมล) และชื่อบัญชีหรือรหัสประจำตัวสำหรับการติดต่อสื่อสารทางอิเล็กทรอนิกส์อื่น ๆ ข้อมูลส่วนบุคคลของญาติหรือบุคคลที่สามารถติดต่อได้ในกรณีฉุกเฉิน
- ข้อมูลการเข้ารับบริการ เช่น ข้อมูลการนัดหมายแพทย์ ความต้องการเกี่ยวกับห้องพัก อาหาร และบริการเสริมอื่น ๆ ข้อมูลการตอบสนองต่อผลการรักษาและ/หรือการใช้บริการ (Feedback) ที่ลูกค้าให้ไว้แก่บริษัท
- ข้อมูลบัญชีและข้อมูลทางการเงิน เช่น ข้อมูลบัตรเครดิตหรือบัตรเดบิต หมายเลขบัญชีและประเภทของบัญชี ข้อมูลพร้อมเพย์ ทรัพย์สิน รายได้และค่าใช้จ่าย ตลอดจนข้อมูลการชำระเงิน และข้อมูลการสมัครใช้บริการและผลิตภัณฑ์
- ข้อมูลการทำธุรกรรม เช่น ประเภทของผลิตภัณฑ์และ/หรือบริการ ราคาและปริมาณ หมายเลขคำสั่งซื้อ เงื่อนไข (ถ้ามี) ประวัติการใช้บริการ ยอดคงเหลือ ประวัติการชำระเงิน ประวัติการทำธุรกรรมที่เกี่ยวข้องของลูกค้า
- ข้อมูลทางเทคนิค เช่น เลขที่อยู่ไอพีหรืออินเทอร์เน็ตโพรโทคอล (IP address) เว็บบีคอน (web beacon) ล็อก (Log) ไอดีอุปกรณ์ (Device ID) รุ่นอุปกรณ์และประเภทของอุปกรณ์ เครือข่าย ข้อมูลการเชื่อมต่อ ข้อมูลการเข้าถึง ข้อมูลการเข้าใช้งานแบบ single sign-on (SSO) การเข้าสู่ระบบ (Login log) เวลาที่เข้าถึง ระยะเวลาที่ใช้บนหน้าเพจหรือเวปไซต์ของบริษัท คุกกี้ ข้อมูลการเข้าสู่ระบบ ประวัติการค้นหา ข้อมูลการเรียกดู ประเภทและเวอร์ชั่นของเบราว์เซอร์ การตั้งค่าเขตเวลา (Time zone setting) และสถานที่ตั้ง ประเภทและเวอร์ชั่นของปลั๊กอินเบราว์เซอร์ ระบบปฏิบัติการและแพลตฟอร์ม และเทคโนโลยีอื่น ๆ บนอุปกรณ์ที่ลูกค้าใช้ในการเข้าถึงแพลตฟอร์มการให้บริการของบริษัท
- ข้อมูลการใช้งาน เช่น ข้อมูลเกี่ยวกับการใช้งานของลูกค้าบนเว็บไซต์ แพลตฟอร์ม การใช้ผลิตภัณฑ์และบริการ และ
- ข้อมูลการสมัครรับข่าวสารและเข้าร่วมกิจกรรมทางการตลาด เช่น ลงทะเบียนเพื่อเข้าร่วมสัมมนา
“ข้อมูลที่ละเอียดอ่อน” หมายถึง ข้อมูลส่วนบุคคลที่เป็นเรื่องส่วนตัวโดยแท้ของบุคคล
แต่มีความละเอียดอ่อนและสุ่มเสี่ยงต่อการถูกใช้ในการเลือกปฏิบัติอย่างไม่เป็นธรรมจึงจำเป็นต้องดำเนินการด้วยความระมัดระวังเป็นพิเศษ ซึ่งบริษัทจะเก็บรวบรวม ใช้ เปิดเผย และ/หรือโอนข้อมูลที่ละเอียดอ่อนไปยังบุคคลภายนอกหรือโอนไปยังผู้รับในต่างประเทศ (ถ้ามี) ก็ต่อเมื่อได้รับความยินยอมโดยชัดแจ้งจากลูกค้า หรือต่อเมื่อกฎหมายอนุญาตให้กระทำได้
ข้อมูลที่ละเอียดอ่อนของลูกค้าซึ่งบริษัทจะเก็บรวมรวม ใช้ เปิดเผย และ/หรือโอนให้แก่บุคคลภายนอกหรือโอนให้แก่ผู้รับในต่างประเทศ ได้แก่
- ข้อมูลสุขภาพ เช่น ข้อมูลการรักษาพยาบาล ประวัติการเข้ารับบริการ ข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับการใช้ยาและการแพ้ยา การตอบสนองต่อการรักษา โรคประจำตัว หมู่โลหิต เป็นต้น
- ข้อมูลชีวภาพ เช่น ใบหน้า ม่านตา ลายนิ้วมือ ภาพถ่ายประกอบการรักษา ภาพถ่ายก่อนและหลังการรักษา
- ข้อมูลที่ละเอียดอ่อนอื่น ๆ ซึ่งแสดงอยู่ในเอกสารประจำตัว เช่น เชื้อชาติและศาสนา
ในการให้บริการแก่ลูกค้านั้น บริษัทมีความจำเป็นต้องเก็บรวบรวม ใช้ เปิดเผย และ/หรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลและข้อมูลที่ละเอียดอ่อนไปยังบุคคลภายนอกหรือโอนไปยังผู้รับในต่างประเทศ (ถ้ามี) เพื่อใช้ในการดำเนินกิจการของบริษัท การให้บริการทางการแพทย์แก่ลูกค้า การติดต่อสื่อสาร การก่อตั้งหรือปฏิบัติตามสิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย และการติดต่อกับหน่วยงานภายนอก เพื่อปฏิบัติตามภาระหน้าที่ของบริษัทในฐานะผู้ให้บริการ เพื่อประโยชน์ในการดำเนินธุรกิจ เพื่อให้เป็นไปตามกฎหมาย และ/หรือเพื่อประโยชน์โดยชอบของบริษัทและ/หรือของลูกค้า ซึ่งบริษัทจะปฏิบัติตามนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลฉบับนี้โดยเคร่งครัด
บริษัทจะร้องขอข้อมูลของลูกค้าเพียงเท่าที่จำเป็นและกฎหมายอนุญาตเท่านั้น ทั้งนี้ หากบริษัทไม่สามารถทำการเก็บรวบรวม ใช้ เปิดเผย และ/หรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้าไปยังบุคคลภายนอกหรือโอนไปยังผู้รับในต่างประเทศ (ถ้ามี) ตามที่ระบุในนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลฉบับนี้ไม่ว่าด้วยเหตุใด บริษัทอาจจะไม่สามารถปฏิบัติตามสัญญาที่ทำกับลูกค้าได้ และในบางกรณีบริษัทอาจจะไม่สามารถให้บริการแก่ลูกค้าได้อีกต่อไป
ในกรณีที่ลูกค้าได้ให้ข้อมูลส่วนบุคคลของบุคคลภายนอกแก่บริษัท (เช่น ชื่อ นามสกุล หมายเลขโทรศัพท์ของคู่สมรส บุคคลภายนอกที่สามารถติดต่อได้ในกรณีฉุกเฉิน และ/หรือบุคคลอื่นที่เกี่ยวข้อง) ลูกค้าขอรับรองว่าลูกค้ามีอำนาจที่จะให้ข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าว และอนุญาตให้บริษัทใช้ข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวตามนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลฉบับนี้ได้ อีกทั้งลูกค้าจะรับผิดชอบในการแจ้งให้บุคคลภายนอกเหล่านั้นทราบถึงนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลฉบับนี้ และ/หรือขอรับความยินยอมจากบุคคลภายนอกที่เกี่ยวข้อง หากจำเป็น
บริษัทอาจเก็บรวบรวม ใช้ เปิดเผย และ/หรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลและข้อมูลที่ละเอียดอ่อนของลูกค้าให้แก่บุคคลภายนอกหรือโอนให้แก่ผู้รับในต่างประเทศ เพื่อวัตถุประสงค์ดังต่อไปนี้
- วัตถุประสงค์ที่บริษัทสามารถดำเนินการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้าได้โดยอาศัยหลักเกณฑ์หรือฐานทางกฎหมาย โดยไม่จำเป็นต้องได้รับความยินยอมจากลูกค้า
ในกรณีดังต่อไปนี้ บริษัทอาจเก็บรวบรวม ใช้ เปิดเผย และ/หรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้าให้แก่บุคคลภายนอกหรือโอนให้แก่ผู้รับในต่างประเทศได้โดยไม่ต้องขอรับความยินยอมจากลูกค้า
- เป็นการจำเป็นเพื่อการปฏิบัติตามสัญญากับลูกค้า หรือเพื่อดำเนินการตามคำขอของลูกค้าก่อนการเข้าทำสัญญา
- เป็นการปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมายของบริษัท
- เป็นการจำเป็นเพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมายของบริษัทและของบุคคลภายนอก โดยความจำเป็นดังกล่าวจะต้องสมดุลกับประโยชน์และสิทธิและเสรีภาพขั้นพื้นฐานที่เกี่ยวกับการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้า
- เพื่อการป้องกันหรือระงับอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย หรือสุขภาพของบุคคล และ
- เป็นการจำเป็นเพื่อการปฏิบัติหน้าที่ในการดำเนินภารกิจเพื่อประโยชน์สาธารณะของบริษัท หรือปฏิบัติหน้าที่ในการใช้อำนาจรัฐที่ได้มอบให้แก่บริษัท
อย่างไรก็ตาม บริษัทจะอาศัยหลักเกณฑ์หรือฐานทางกฎหมายใน (1) ถึง (5) ข้างต้น เพื่อการเก็บรวบรวม ใช้ เปิดเผย และ/หรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้าให้แก่บุคคลภายนอกหรือโอนให้แก่ผู้รับในต่างประเทศ เพื่อวัตถุประสงค์ดังต่อไปนี้เท่านั้น
- การติดต่อกับลูกค้าเพื่อการเข้าใช้บริการและ/หรือเข้าทำนิติกรรมกับบริษัท
- การให้บริการทางการแพทย์และบริการอื่นที่เกี่ยวข้อง ตามสัญญาหรือข้อตกลงทางการค้าระหว่างบริษัทและลูกค้า เช่น
- จัดหาบริการ หรือส่งมอบบริการ และการเข้าถึงบริการของลูกค้า ไม่ว่าช่องทางใด
- นัดหมายแพทย์ และการแจ้งเตือนการนัดหมายแพทย์
- การเสนอความช่วยเหลือจากบริษัท และแนะนำรายละเอียดการให้บริการของบริษัท
- การประสานงานและส่งต่อข้อมูลให้กับสถานพยาบาลอื่นซึ่งมีความจำเป็นต้องรับลูกค้าเพื่อเข้ารักษาต่อ
- การยืนยันตัวตนของลูกค้าเพื่อเข้ารับการบริการจากบริษัท
- วัตถุประสงค์ทางบัญชีหรือทางการเงิน เช่น การตรวจสอบการชำระเงินผ่านบัตรเครดิต การเรียกเก็บเงินและการตรวจสอบความถูกต้อง การขอคืนเงิน
- การรักษาความปลอดภัยขณะใช้บริการหรือพักรักษาหลังการเข้ารับบริการ
- ปฏิบัติตามกฎหมาย ข้อกำหนด ระเบียบ ข้อบังคับ หรือการร้องขอใด ๆ จากหน่วยราชการที่เกี่ยวข้อง เช่น การปฏิบัติตามหมายเรียกพยาน หรือคำสั่งศาล หรือการร้องขออื่น ๆ ที่ถูกต้องและสอดคล้องกับบทบัญญัติของกฎหมาย
- วัตถุประสงค์อื่น ๆ ที่สนับสนุนการดำเนินการตามวัตถุประสงค์ข้างต้น
- การบริหารความสัมพันธ์ระหว่างลูกค้ากับบริษัท และการบริหารจัดการบัญชีที่ลูกค้ามีอยู่กับบริษัท
- การดำเนินการตามคำสั่งของลูกค้า หรือการตอบข้อซักถามหรือความคิดเห็นของลูกค้า และการแก้ไขเรื่องร้องเรียนของลูกค้า
- การยืนยันตัวบุคคล การตรวจสอบและคัดกรองอื่น ๆ และการติดตามตรวจสอบอย่างต่อเนื่องที่อาจจำเป็นตามกฎหมายที่ใช้บังคับ
- การปฏิบัติตามกฎหมาย กฎระเบียบ กฎเกณฑ์ แนวทาง คำสั่ง คำแนะนำ และการร้องขอจากหน่วยงานของรัฐ หน่วยงานภาษีอากร หน่วยงานบังคับใช้กฎหมาย หน่วยงานกำกับดูแล หรือหน่วยงานอื่น ๆ (ไม่ว่าในประเทศหรือต่างประเทศ)
- การจัดการโครงสร้างพื้นฐานของบริษัท การควบคุมภายใน การตรวจสอบ การดำเนินธุรกิจ และการปฏิบัติตามนโยบายและขั้นตอนของบริษัทที่อาจจำเป็นโดยกฎหมายและกฎระเบียบที่ใช้บังคับ รวมถึงกฎหมายและกฎระเบียบที่เกี่ยวข้องกับการควบคุมความเสี่ยง การรักษาความปลอดภัย การตรวจสอบ การเงินและการบัญชี ระบบต่าง ๆ และความต่อเนื่องทางธุรกิจ
- การจัดการหรือการสอบสวนเรื่องร้องเรียน ข้อเรียกร้อง หรือข้อพิพาทใด ๆ
- การบังคับสิทธิตามกฎหมายหรือตามสัญญาของบริษัท รวมถึงแต่ไม่จำกัดเพียง การติดตามทวงถามจำนวนเงินใด ๆ ทั้งหมดที่ติดค้างต่อบริษัท
- การตรวจสอบทางบัญชีการเงินที่จะดำเนินการโดยผู้สอบบัญชี หรือการรับบริการด้านกฎหมายจากที่ปรึกษากฎหมาย
บริษัทอาจประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้าเพื่อวัตถุประสงค์ดังต่อไปนี้เมื่อได้รับความยินยอมจากลูกค้า
- การติดต่อสื่อสารทางการตลาด การเสนอข้อเสนอพิเศษ เอกสารส่งเสริมการขายที่เกี่ยวกับผลิตภัณฑ์และบริการของบริษัท บริษัทในเครือและบริษัทย่อยของบริษัท และบุคคลภายนอกซึ่งบริษัทไม่สามารถอาศัยหลักเกณฑ์หรือฐานทางกฎหมายอื่น
- การพัฒนาบริการและนำเสนอผลิตภัณฑ์ใหม่ และการให้ข้อมูลที่เป็นปัจจุบันแก่ลูกค้าเกี่ยวกับบริการและผลิตภัณฑ์ของบริษัทเป็นครั้งคราว
- การทำวิจัย การวางแผนและการวิเคราะห์ทางสถิติ เพื่อวัตถุประสงค์ในการพัฒนาบริการและผลิตภัณฑ์ของบริษัท
- การจัดโครงการหรือกิจกรรมส่งเสริมการขาย การประชุม การสัมมนา และการเยี่ยมชมบริษัท
ลูกค้ามีสิทธิที่จะถอนความยินยอมของลูกค้า ณ เวลาใดก็ได้ โดยลูกค้าสามารถติดต่อบริษัททางอีเมล Operation@drchenhospital.com และเอกสารที่เป็นลายลักษณ์อักษร เพื่อถอนความยินยอม ทั้งนี้การถอนความยินยอมจะไม่กระทบต่อความชอบด้วยกฎหมายของการเก็บรวบรวม การใช้ และการเปิดเผย ข้อมูลส่วนบุคคลและข้อมูลที่ละเอียดอ่อนของลูกค้าตามความยินยอมของลูกค้าก่อนที่จะขอถอนความยินยอมหรือการเก็บรวบรวม การใช้ การเปิดเผย และการโอนข้อมูลที่ละเอียดไปยังบุคคลภายนอกหรือโอนไปยังผู้รับในต่างประเทศ (ถ้ามี) ที่บริษัทมีสิทธิดำเนินการได้โดยไม่ต้องได้รับความยินยอมจากลูกค้า
บริษัทอาจเก็บรวบรวม ใช้ เปิดเผย และ/หรือโอนข้อมูลที่ละเอียดอ่อนของลูกค้าไปยังบุคคลภายนอกหรือโอนไปยังผู้รับในต่างประเทศ (ถ้ามี) เพื่อวัตถุประสงค์ดังต่อไปนี้
- ข้อมูลสุขภาพ เช่น ข้อมูลการรักษาพยาบาล ประวัติการเข้ารับบริการ ข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับ
การใช้ยาและการแพ้ยา การตอบสนองต่อการรักษา โรคประจำตัว หมู่โลหิต เป็นต้น
เพื่อการให้บริการทางการแพทย์แก่ลูกค้าตามสัญญาหรือข้อตกลงทางการค้าระหว่างบริษัทและลูกค้า - ข้อมูลชีวมาตร ได้แก่ ระบบจดจำใบหน้า ลายนิ้วมือ เพื่อการสมัครใช้บริการ และการยืนยันและพิสูจน์ตัวบุคคล
- ศาสนาเพื่อการอำนวยความสะดวกในการเข้าใช้บริการของลูกค้า
- ข้อมูลที่ละเอียดอ่อนซึ่งแสดงอยู่ในเอกสารประจำตัว (เช่น เชื้อชาติและศาสนา) เพื่อการยืนยันและพิสูจน์ตัวบุคคล และเพื่อการให้บริการทางการแพทย์แก่ลูกค้าตามสัญญาหรือข้อตกลงทางการค้าระหว่างบริษัทและลูกค้า
บริษัทอาจเปิดเผยและ/หรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้าให้แก่บุคคลภายนอก (รวมถึงบุคลากรและตัวแทนของบุคคลภายนอก) ภายในประเทศไทยหรือนอกประเทศไทยดังต่อไปนี้ ซึ่งประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อวัตถุประสงค์ในการให้บริการทางการแพทย์แก่ลูกค้าหรือเพื่อวัตถุประสงค์อื่น ๆ ตามนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลฉบับนี้ โดยลูกค้าสามารถอ่านนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของบุคคลภายนอกเหล่านั้นเพื่อศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับวิธีการที่บุคคลภายนอกดังกล่าวประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้าได้
ข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้าอาจถูกเข้าถึงหรือเปิดเผยให้แก่นิติบุคคลอื่น ๆ ภายในกลุ่มบริษัท
ซึ่งรวมถึงกรรมการ ผู้บริหาร พนักงาน เจ้าหน้าที่ หรือบุคคลอื่นใดที่เกี่ยวข้องกับนิติบุคคลดังกล่าว
เพื่อการให้บริการทางการแพทย์แก่ลูกค้า การวิเคราะห์ข้อมูล การรายงานผลการดำเนินงานของบริษัท การบริหารความเสี่ยงหรือการตรวจสอบภายในของกลุ่มบริษัท
บริษัทอาจใช้บริการของบุคคล นิติบุคคล ตัวแทน หรือผู้รับจ้างเพื่อการให้บริการต่าง ๆ ในนามของบริษัท หรือเพื่อช่วยเหลือและสนับสนุนในการจัดหาผลิตภัณฑ์และบริการให้แก่ลูกค้า บริษัทอาจเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้ากับผู้ให้บริการเหล่านี้ รวมถึงแต่ไม่จำกัดเพียง (ก) ผู้ให้บริการเทคโนโลยีสารสนเทศ
(ข) ตัวแทนการวิจัย (ค) ผู้ให้บริการการวิเคราะห์ และ/หรือห้องปฏิบัติการ (ง) ตัวแทนการสำรวจ (จ) ตัวแทนด้านการตลาด สื่อโฆษณาและการติดต่อสื่อสาร (ฉ) ผู้ให้บริการชำระเงิน และ (ช) ผู้ให้บริการด้านธุรการและการดำเนินงาน
ในการให้บริการต่าง ๆ ข้างต้น ผู้ให้บริการอาจมีความจำเป็นต้องเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้า แต่อย่างไรก็ตาม บริษัทจะให้ข้อมูลส่วนบุคคลแก่ผู้ให้บริการของบริษัทเพียงเท่าที่จำเป็นสำหรับการให้บริการโดยผู้ให้บริการดังกล่าวเท่านั้น และบริษัทจะดำเนินการให้เป็นที่มั่นใจว่าผู้ให้บริการทุกรายที่บริษัททำงานด้วยจะเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้าไว้อย่างปลอดภัยและจะไม่ใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้าเพื่อวัตถุประสงค์อื่นใดนอกจากเพื่อการให้บริการแก่บริษัทเท่านั้น
บริษัทอาจเปิดเผยหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้าให้แก่พันธมิตรทางธุรกิจของบริษัทซึ่งมีส่วนในการให้บริการทางการแพทย์แก่ลูกค้า หรือเกี่ยวข้องในการจัดหาผลิตภัณฑ์หรือบริการประเภทใดที่ลูกค้าได้รับจากบริษัท เช่น พันธมิตรธุรกิจร่วม (co-brand partners) คู่สัญญา (market counterparties) ผู้ออกผลิตภัณฑ์ร่วม โดยบริษัทจะดำเนินการให้เป็นที่มั่นใจว่าพันธมิตรทางธุรกิจทุกรายที่บริษัททำงานด้วยจะเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้าไว้อย่างปลอดภัยและจะไม่ใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้าเพื่อวัตถุประสงค์อื่นใดนอกจากเพื่อการให้บริการแก่ลูกค้าเท่านั้น
ในบางกรณี บริษัทอาจจะจำเป็นที่จะต้องเปิดเผยหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้ากับบุคคลภายนอก เพื่อปฏิบัติตามภาระหน้าที่ตามกฎหมายหรือกฎระเบียบ ซึ่งรวมถึง การปฏิบัติตามคำสั่งของหน่วยงานที่บังคับใช้กฎหมาย ศาล หน่วยงานกำกับดูแล หน่วยงานรัฐ หรือบุคคลภายนอกอื่น ๆ ตามที่กฎหมายกำหนด
บริษัทอาจเปิดเผยหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้าให้แก่ที่ปรึกษาวิชาชีพของบริษัทที่เกี่ยวกับบริการด้านการตรวจสอบ กฎหมาย การบัญชี และภาษีอากร ซึ่งช่วยในการประกอบธุรกิจหรือจัดการเกี่ยวกับข้อเรียกร้องทางกฎหมาย
บริษัทอาจเปิดเผยหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้าให้แก่พันธมิตรทางธุรกิจ ผู้ลงทุน ผู้ถือหุ้นรายสำคัญ ผู้รับโอนสิทธิ บุคคลที่อาจเป็นผู้รับโอนสิทธิ ผู้รับโอนหรือบุคคลที่อาจเป็นผู้รับโอนของบริษัท ในกรณีที่มีการฟื้นฟูกิจการ การปรับโครงสร้างกิจการ การควบรวมกิจการ การเข้าซื้อกิจการ การขาย การซื้อ กิจการร่วมค้า การโอน การเลิกกิจการ หรือเหตุการณ์ใดในทำนองเดียวกันที่เกี่ยวข้องกับการโอนหรือการจำหน่ายจ่ายโอนธุรกิจ สินทรัพย์ หรือหุ้นทั้งหมดหรือส่วนใด ๆ ของบริษัท ถ้ามีเหตุการณ์ใด ๆ ดังกล่าวข้างต้นเกิดขึ้น ผู้รับข้อมูลจะปฏิบัติตามนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลฉบับนี้ในส่วนที่เกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้า
บริษัทอาจเปิดเผยหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้าให้แก่บุคคลภายนอก หรือเครื่องแม่ข่าย (Server) ที่ตั้งอยู่ในต่างประเทศซึ่งประเทศปลายทางอาจมี หรืออาจไม่มีมาตรฐานการคุ้มครองข้อมูลในลักษณะเดียวกันกับประเทศไทย โดยบริษัทจะดำเนินการตามขั้นตอนและมาตรการต่าง ๆ เพื่อทำให้ลูกค้ามั่นใจได้ว่าการโอนข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้าจะโอนอย่างปลอดภัยและบุคคลที่รับโอนข้อมูลนั้นมีมาตรฐานการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลที่เหมาะสม และการโอนข้อมูลนั้นชอบด้วยกฎหมาย
เว็บไซต์ของบริษัทอาจมีลิงก์เชื่อมไปยังเว็บไซต์บุคคลภายนอก หากลูกค้าได้เข้าถึงเว็บไซต์ตามลิงก์ดังกล่าว นโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลฉบับนี้จะไม่ครอบคลุมไปถึงการใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้าในเว็บไซต์ของบุคคลภายนอก ดังนั้น การที่บุคคลภายนอกซึ่งเป็นผู้ควบคุมดูแลเว็บไซต์ดังกล่าวประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้าจึงอยู่นอกเหนือการควบคุมของบริษัท ซึ่งบริษัทจะไม่มีส่วนเกี่ยวข้องและความรับผิดใด ๆ จากการกระทำของบุคคลภายนอกดังกล่าว
บริษัทจะเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้าในระยะเวลาเท่าที่จำเป็นอย่างสมเหตุสมผล เพื่อให้บรรลุตามวัตถุประสงค์ที่บริษัทได้รับข้อมูลส่วนบุคคลนั้นมาตามที่ระบุไว้ในนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลฉบับนี้ และเพื่อปฏิบัติตามภาระหน้าที่ทางกฎหมายและกฎข้อบังคับต่าง ๆ อย่างไรก็ตาม บริษัทอาจเก็บข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้านานขึ้นหากจำเป็นตามกฎหมายที่ใช้บังคับ
เมื่อพ้นระยะเวลาดังกล่าวแล้ว หากลูกค้าไม่แสดงความยินยอมให้บริษัททำการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลต่อไป บริษัทจะดำเนินการทำลายข้อมูลส่วนบุคคลนั้นตามขั้นตอนการทำลายข้อมูลของบริษัทโดยจะดำเนินการให้เสร็จโดยไม่ชักช้า
บริษัทจะใช้มาตรการทางเทคนิค และการบริหารจัดการที่เหมาะสมเพื่อป้องกันและรักษาความปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้าที่บริษัทเก็บรวบรวม เช่น ใช้โปรโตคอลความปลอดภัย (Secure Sockets Layer: SSL) สำหรับการเข้ารหัสข้อมูลผ่านทางอินเตอร์เน็ต และบริษัทจะจำกัดการเข้าถึงข้อมูลของลูกค้าไม่ว่าจะเป็นการจัดเก็บในรูปแบบข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์หรือในรูปแบบเอกสารให้สามารถเข้าถึงได้เฉพาะบุคลากรที่มีความจำเป็นต้องประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวเท่านั้น โดยจะจัดเก็บในสถานที่ที่มีระบบป้องกันการเข้าถึงตามมาตรฐานความปลอดภัยที่เหมาะสม
โดยทั่วไป การให้บริการทางการแพทย์ของบริษัท (รวมถึงกระบวนการสรรหาบุคลากรเพื่อการให้บริการ) ไม่ได้มีเป้าหมายที่ผู้เยาว์ คนเสมือนไร้ความสามารถ และคนไร้ความสามารถ และบริษัทไม่ประสงค์ที่จะเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของผู้เยาว์ คนเสมือนไร้ความสามารถ และคนไร้ความสามารถ หากผู้เยาว์ คนเสมือนไร้ความสามารถ หรือคนไร้ความสามารถ ประสงค์จะเข้ารับบริการทางการแพทย์จากบริษัท บุคคลดังกล่าวต้องได้รับความยินยอมจากผู้ใช้อำนาจปกครอง ผู้พิทักษ์ หรือผู้อนุบาลของบุคคลดังกล่าวก่อนที่จะติดต่อกับบริษัทหรือให้ข้อมูลส่วนบุคคลของบุคคลดังกล่าวแก่บริษัท เว้นแต่บริษัทจะสามารถอาศัยหลักเกณฑ์หรือฐานทางกฎหมายอื่นในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้าที่เป็นผู้เยาว์ คนเสมือนไร้ความสามารถ หรือคนไร้ความสามารถ ได้โดยไม่ต้องได้รับความยินยอมจากลูกค้า
หากลูกค้าเยี่ยมชมเว็บไซต์ของบริษัท บริษัทจะเก็บรวบรวมข้อมูลบางประการโดยอัตโนมัติจากลูกค้าโดยการใช้คุกกี้ ซึ่งคุกกี้คือเทคโนโลยีการติดตามประเภทหนึ่งซึ่งนำมาใช้ในการวิเคราะห์กระแสความนิยม (trend) การบริหารจัดการเว็บไซต์ ติดตามการเคลื่อนไหวการใช้เว็บไซต์ของบริษัท หรือเพื่อจดจำการตั้งค่าของผู้ใช้บริการ
อินเตอร์เน็ตเบราว์เซอร์ส่วนใหญ่จะให้ลูกค้าควบคุมได้ว่าจะยอมรับคุกกี้หรือไม่ หากลูกค้าปฏิเสธการติดตามโดยคุกกี้ ความสามารถของลูกค้าในการใช้งานเว็บไซต์อาจถูกจำกัดลงไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน
หากลูกค้าให้ข้อมูลส่วนบุคคลของบุคคลที่สามใด ๆ (เช่น คู่สมรสและบุตรของลูกค้า
ผู้ที่สามารถติดต่อได้ในกรณีฉุกเฉิน การส่งต่อในกรณีการรักษาเร่งด่วน) ลูกค้าต้องดำเนินการเพื่อให้มั่นใจได้ว่าลูกค้ามีอำนาจที่จะให้ข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าว และมีอำนาจอนุญาตให้บริษัทใช้ข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวตามนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลฉบับนี้ได้ อีกทั้งลูกค้าต้องรับผิดชอบในการแจ้งให้บุคคลที่สามเหล่านั้นทราบถึงนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลฉบับนี้ และขอรับความยินยอมจากบุคคลที่สามที่เกี่ยวข้อง (หากจำเป็น) เว้นแต่ลูกค้าจะสามารถอาศัยหลักเกณฑ์หรือฐานทางกฎหมายอื่นในการเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของบุคคลที่สามดังกล่าวได้โดยไม่ต้องได้รับความยินยอม
ภายใต้บทบัญญัติแห่งกฎหมายและข้อยกเว้นตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ลูกค้าอาจมีสิทธิเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้าตามที่ระบุไว้ดังต่อไปนี้
(ก) การเข้าถึง: ลูกค้าอาจมีสิทธิในการขอเข้าถึงหรือขอรับสำเนาข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทประมวลผลเกี่ยวกับลูกค้า
(ข) การโอนย้ายข้อมูล: ลูกค้าอาจมีสิทธิขอรับข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทมีเกี่ยวกับลูกค้าในรูปแบบที่มีการจัดระเบียบแล้วและสามารถอ่านได้ในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ และเพื่อส่งหรือโอนข้อมูลดังกล่าวให้แก่ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลอื่น
(ค) การคัดค้าน: ในบางกรณี ลูกค้าอาจมีสิทธิคัดค้านวิธีการที่บริษัทประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้าในบางกิจกรรมซึ่งระบุในนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลฉบับนี้
(ง) การลบหรือทำลายข้อมูล: ลูกค้าอาจมีสิทธิขอให้บริษัทดำเนินการลบหรือทำลาย หรือทำให้ข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้าที่บริษัทประมวลผลเกี่ยวกับลูกค้า เป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุตัวบุคคลที่เป็นเจ้าของข้อมูล เช่น หากข้อมูลนั้นไม่จำเป็นสำหรับวัตถุประสงค์ในการประมวลผลข้อมูลอีกต่อไป
(จ) การจำกัด: ลูกค้าอาจมีสิทธิจำกัดการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้า หากลูกค้าเชื่อว่าข้อมูลนั้นไม่ถูกต้อง หรือการประมวลผลของบริษัทไม่ชอบด้วยกฎหมาย หรือบริษัทไม่จำเป็นต้องประมวลผลข้อมูลนั้นเพื่อวัตถุประสงค์อย่างหนึ่งอย่างใดอีกต่อไป
(ฉ) การแก้ไขให้ถูกต้อง: ลูกค้าอาจมีสิทธิขอให้มีการดำเนินการแก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลที่ไม่สมบูรณ์ ไม่ถูกต้อง ก่อให้เกิดความเข้าใจผิด หรือไม่เป็นปัจจุบัน
(ช) การถอนความยินยอม: ลูกค้าอาจมีสิทธิที่จะถอนความยินยอมที่ลูกค้าได้ให้แก่บริษัทเพื่อการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้า เว้นแต่มีข้อจำกัดเกี่ยวกับสิทธิที่จะถอนความยินยอมตามที่กฎหมายกำหนด หรือมีสัญญาที่ให้ประโยชน์แก่ลูกค้า
(ซ) การยื่นเรื่องร้องเรียน: ลูกค้าอาจมีสิทธิยื่นเรื่องร้องเรียนให้แก่หน่วยงานที่มีอำนาจในกรณีที่ลูกค้าเชื่อว่าบริษัททำการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้าโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายหรือไม่สอดคล้องกับกฎหมายคุ้มครองข้อมูลที่บังคับใช้
บริษัทอาจเปลี่ยนแปลงหรือปรับปรุงนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลฉบับนี้เป็นครั้งคราว บริษัทขอให้ลูกค้าอ่านนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลฉบับนี้อย่างละเอียดรอบคอบ และตรวจสอบการเปลี่ยนแปลงใด ๆ ที่อาจเกิดขึ้นตามข้อกำหนดของนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลฉบับนี้ที่ https://drchenhospital.com/th/ เป็นระยะ ๆ โดยบริษัทจะแจ้งเตือนให้ลูกค้าทราบหรือขอความยินยอมจากลูกค้าอีกครั้งหากมีการเปลี่ยนแปลงที่มีนัยสำคัญในนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลฉบับนี้
หากลูกค้ามีความประสงค์ที่จะใช้สิทธิของลูกค้าที่เกี่ยวข้องกับข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้า หรือหากลูกค้ามีข้อสงสัยหรือเรื่องร้องเรียนเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้าภายใต้นโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลฉบับนี้ โปรดติดต่อบริษัทหรือเจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของบริษัท ที่
(ก) บริษัท ด็อกเตอร์ เชน เซอร์เจอรี่ ฮอสพิทอล จำกัด
- 216 ถนนรามคำแหง แขวงราษฎร์พัฒนา เขตสะพานสูง กรุงเทพมหานคร 10240
- อีเมล Operation@drchenhospital.com
(ข) เจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
- Human Resource Department
- 216 ถนนรามคำแหง แขวงราษฎร์พัฒนา เขตสะพานสูง กรุงเทพมหานคร 10240
- อีเมล Management@drchenhospital.com
Author: DCH Hospital
Dr.Chen Writer