จัดเรียงไขมันใต้ตา

ไขมันใต้ตา เป็นหนึ่งในปัญหาที่หลายคนมักมองข้าม แต่กลับส่งผลต่อภาพลักษณ์และความอ่อนเยาว์ของใบหน้าอย่างมาก เมื่ออายุมากขึ้น “ถุงใต้ตา” หรือ “ไขมันนูนใต้ตา” มักจะทำให้หน้าดูเหนื่อยล้า ไม่สดใส และดูแก่กว่าวัย บางคนเลือก “ตัดไขมันใต้ตา” ออกไปให้หมด ขณะที่บางคนเลือก “จัดเรียงไขมันใต้ตา” เพื่อให้ดวงตาดูละมุนและสดใสอย่างเป็นธรรมชาติ

คำถามคือ ระหว่าง “ตัดทิ้ง” กับ “จัดเรียง” แบบไหนเหมาะกับเรา? บทความนี้จะช่วยให้คุณเข้าใจลึกถึงสาเหตุของไขมันใต้ตา เทคนิคการศัลยกรรมใต้ตาแบบต่าง ๆ และแนวทางเลือกให้เหมาะกับปัญหาของตัวเองมากที่สุด

ไขมันใต้ตาคืออะไร

ไขมันใต้ตา (Under-eye Fat) เป็นไขมันตามธรรมชาติที่อยู่ในเบ้าตา มีหน้าที่ช่วยพยุงลูกตาและรองรับแรงกระแทก แต่เมื่ออายุมากขึ้น กล้ามเนื้อรอบดวงตาเริ่มหย่อนคล้อย และผนังที่กั้นไขมันอ่อนแรงลง ทำให้ไขมัน “เคลื่อนตัวและดันออกมา” กลายเป็น ถุงใต้ตา หรือบางรายอาจเห็นเป็นร่องลึกใต้ตาชัดเจน

สาเหตุที่ทำให้เกิดปัญหาไขมันใต้ตา ได้แก่

  1. อายุที่เพิ่มขึ้น : ผนังกล้ามเนื้อใต้ตาอ่อนแรง
  2. พันธุกรรม : บางคนมีถุงใต้ตามาตั้งแต่อายุน้อย
  3. พฤติกรรมการใช้ชีวิต : พักผ่อนน้อย ดื่มน้ำไม่เพียงพอ สูบบุหรี่ ดื่มแอลกอฮอล์
  4. ภูมิแพ้ หรืออาการบวมน้ำรอบดวงตาเรื้อรัง

ดังนั้น การแก้ปัญหาไขมันใต้ตาไม่ใช่เพียง “เอาออก” อย่างเดียวเสมอไป แต่ต้องพิจารณาโครงสร้างรอบดวงตาโดยรวม เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดูอ่อนเยาว์และสมดุลที่สุด

วิธีแก้ปัญหาไขมันใต้ตาในปัจจุบัน

ในวงการ ศัลยกรรมใต้ตา (Lower Blepharoplasty) ปัจจุบันมีเทคนิคหลักอยู่ 2 แนวทาง คือ

  1. การตัดไขมันใต้ตาทิ้ง (Fat Removal)
  2. การจัดเรียงไขมันใต้ตาใหม่ (Fat Repositioning หรือ Fat Reallocation)

ทั้งสองวิธีมีข้อดีข้อจำกัดต่างกัน และเหมาะกับสภาพใต้ตาที่ไม่เหมือนกัน

1. การ “ตัดไขมันใต้ตาทิ้ง” คืออะไร?

เทคนิคการ “ตัดไขมันใต้ตาทิ้ง” เหมาะกับผู้ที่มีถุงใต้ตาขนาดใหญ่ ไขมันโป่งออกมามาก จนทำให้ใต้ตาดูบวมและหย่อน โดยศัลยแพทย์จะเปิดแผลเล็ก ๆ บริเวณแนวขนตาล่าง หรือภายในเยื่อบุตา แล้วนำไขมันส่วนเกินออกไปบางส่วน

ข้อดีของการตัดไขมันใต้ตา

  • ลดขนาดถุงใต้ตาที่โป่งชัดได้อย่างเห็นผลทันที
  • แผลเล็กและสามารถทำภายใต้ยาชาเฉพาะที่
  • เหมาะกับผู้ที่ไม่มีร่องลึกใต้ตาชัดมาก

ข้อควรระวัง

  • หากตัดออกมากเกินไป จะทำให้ใต้ตาดู “แบน” หรือ “ลึก” จนดูโทรม
  • ไม่เหมาะกับผู้ที่มีทั้งถุงใต้ตาและร่องลึก เพราะอาจทำให้ร่องยิ่งเห็นชัดขึ้น
  • ต้องทำโดยศัลยแพทย์ที่เชี่ยวชาญด้านดวงตา เพราะเสี่ยงต่อการดึงรั้งเปลือกตาล่างได้

เทคนิคนี้เหมาะกับผู้ที่มี “ไขมันส่วนเกินชัดเจน” แต่ยังไม่มีปัญหาร่องลึกหรือความหย่อนคล้อยมากนักครับ

2. การ “จัดเรียงไขมันใต้ตา” คืออะไร?

จัดเรียงไขมันใต้ตา

อีกเทคนิคที่ได้รับความนิยมมากในปัจจุบันคือ “การจัดเรียงไขมันใต้ตา (Fat Repositioning)” ซึ่งเป็นการนำไขมันส่วนที่โป่งออกมา “จัดวางใหม่” ไปเติมเต็มบริเวณร่องลึกใต้ตาให้เรียบเสมอกัน แทนที่จะ “ตัดออก” ไปทั้งหมด

ข้อดีของการจัดเรียงไขมันใต้ตา

  • รักษาโครงสร้างไขมันตามธรรมชาติ ทำให้ผลลัพธ์ดูอ่อนเยาว์

  • แก้ได้ทั้ง “ถุงใต้ตา” และ “ร่องลึกใต้ตา” พร้อมกัน

  • ลดความเสี่ยงตาลึก โทรม หรือโบ๋หลังผ่าตัด

  • ผลลัพธ์ดูเป็นธรรมชาติและอยู่ได้นาน

ข้อควรระวัง

  • ต้องอาศัยศัลยแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญสูง เนื่องจากเป็นการทำศัลยกรรมละเอียดระดับมิลลิเมตร

  • หลังทำอาจมีอาการบวมเล็กน้อยประมาณ 5–7 วัน

  • ราคาอาจสูงกว่าการตัดไขมันออกทั่วไป

เทคนิคนี้มักนิยมใช้ในศัลยกรรมแบบ Endoscopic (ส่องกล้อง)

เพื่อความแม่นยำสูงสุด ลดแผล ลดบวม และฟื้นตัวเร็วกว่าแบบเดิม

จุดเด่นของ DCH Lower Blepharoplasty

จัดเรียงไขมันใต้ตาช่วยเรื่องอะไรบ้าง

การทำศัลยกรรมใต้ตาที่ DCH Hospital มีความแตกต่างจากการทำทั่วไป เพราะเราใช้เทคนิคและมาตรฐานจากเกาหลี ที่ให้ผลลัพธ์เป็นธรรมชาติที่สุด

จุดเด่นที่ทำให้หลายคนมั่นใจเลือก DCH

แผลขนาดเล็ก ฟื้นตัวไว รอยแทบไม่เห็น

ลดริ้วรอยรอบดวงตา ทำให้หน้าดูเด็กลง

เทคนิคสไตล์เกาหลี ให้ผลลัพธ์ละมุน ดูไม่โป๊ะ

แก้ปัญหาทั้งถุงใต้ตานูนและร่องลึกในคราวเดียว

ขั้นตอนการทำศัลยกรรมจัดเรียงไขมันใต้ตา

  1. การประเมินปัญหา – แพทย์จะตรวจสอบโครงสร้างรอบดวงตา ระดับไขมันใต้ตา และความลึกของร่องน้ำตา
  2. การฉีดยาชาหรือดมยาสลบ – ขึ้นอยู่กับสภาพร่างกายและดุลยพินิจของแพทย์
  3. การเปิดแผลเล็กด้านในเปลือกตาล่าง – ไม่มีรอยแผลด้านนอก
  4. การเคลื่อนย้ายไขมัน – นำไขมันส่วนที่นูนออกมาแล้วจัดวางใหม่ให้เรียบเสมอกับร่องลึก
  5. การเย็บปิดแผล – ใช้ไหมละลายหรือไหมที่สามารถตัดออกได้ภายในไม่กี่วัน
  6. การพักฟื้น – ใช้เวลาเพียง 5–7 วัน อาการบวมช้ำจะค่อยๆ ลดลง

การดูแลตัวเองหลังจัดเรียงไขมันใต้ตา

การพักฟื้น

  • ประคบเย็นใน 48 ชั่วโมงแรก เพื่อช่วยลดบวม
  • หลีกเลี่ยงการขยี้ตาและออกกำลังกายหนักในช่วงแรก
  • นอนยกศีรษะสูงเพื่อลดอาการบวม
  • รับประทานอาหารที่มีประโยชน์และดื่มน้ำมากๆ

ระยะเวลาฟื้นตัว

  1. 7 วันแรก : บวมและช้ำเล็กน้อย
  2. 2–3 สัปดาห์ : อาการบวมลดลง เห็นผลชัดเจนขึ้น
  3. 1–3 เดือน : ผลลัพธ์เข้าที่ ใบหน้าดูสดใส อ่อนเยาว์

ผลลัพธ์ที่ได้จากการจัดเรียงไขมันใต้ตา

หลังทำ DCH Lower Blepharoplasty จะช่วยให้

  1. ใต้ตาเรียบเนียน ไม่เป็นร่องลึก
  2. ลดรอยดำคล้ำ ทำให้หน้าดูสดใส
  3. ดวงตาดูอ่อนเยาว์ มีชีวิตชีวา
  4. แก้ปัญหาถุงใต้ตานูนที่ทำให้หน้าดูแก่
  5. ผลลัพธ์เป็นธรรมชาติ ไม่แข็ง ไม่โป๊ะ

ทำไมเทคนิค “จัดเรียงไขมันใต้ตา” ถึงได้รับความนิยมสูง

ในปัจจุบัน ศัลยกรรมแนวใหม่เน้นความ “เป็นธรรมชาติ” มากกว่าความตึงหรือเป๊ะ เทคนิค จัดเรียงไขมันใต้ตา จึงตอบโจทย์คนรุ่นใหม่ที่ไม่อยากให้คนรู้ว่าทำศัลยกรรม

จุดเด่นที่ทำให้ได้รับความนิยม คือ

  1. แผลเล็ก ฟื้นตัวไว
  2. ไม่มีรอยแผลภายนอก
  3. ดวงตาดูสดใส ไม่แข็ง
  4. ผลลัพธ์อยู่ได้นาน 5–10 ปี
  5. สามารถทำร่วมกับการ ฉีดไขมันใต้ตา หรือ ฟิลเลอร์ใต้ตา เพื่อเติมเต็มเพิ่มเติมได้

“ตัดทิ้ง” หรือ “จัดเรียง” แบบไหนดีกว่ากัน?

คำตอบคือ “ขึ้นอยู่กับปัญหาใต้ตาของแต่ละคน”
หากคุณมีถุงไขมันโป่งมากแต่ผิวยังเต่ง → การตัดบางส่วนออกอาจเพียงพอ
แต่ถ้ามีทั้งถุงใต้ตาและร่องลึก → “จัดเรียงไขมันใต้ตา” จะให้ผลลัพธ์ที่สมดุลและดูอ่อนเยาว์กว่า

DCH Hospital
Author: DCH Hospital

Dr.Chen Writer

line icon
ปรึกษา DCH ฟรี
Written by

DCH Hospital

Dr.Chen Writer

บทความที่เกี่ยวข้อง